วราวุธ เปิดผลงานรอบ 6 เดือน เผย 9 พันธกิจเรือธง เดินหน้าสำเร็จ วางกรอบ 6 เดือนข้างหน้า สานต่อเพิ่มความครอบคลุมทั้ง 9 พันธกิจ พร้อมตอบโต้ ช่วยเหลือเชิงรุก รับมือวิกฤตประชากรและภูมิอากาศในอนาคต
นายวราวุธ ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวแถลงผลงาน ของ พม. รอบ 6 เดือน ช่วงตั้งแต่เดือน ต.ค.2567-มี.ค.2568 ที่ผ่านมาว่า ได้เดินหน้างานบนหลัก “พม.หนึ่งเดียว”บูรณาการทำงานร่วมกันเอง และหน่วยงานภายนอกสังกัดทั้งในประเทศและองค์กรนานาชาติ ขับเคลื่อน 9 พันธกิจเรือธง เป็นไปตามแผนงานและเป็นรูปธรรม ทั้งการยกระดับการพัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัย โดยขยายผลศูนย์เด็กเล็กใกล้บ้าน เป้าหมาย 462 แห่งทั่วประเทศ และแอปพลิเคชันในการกำกับดูแลเด็กปฐมวัยด้วยระบบเทคโนโลยีดิจิทัล , ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในการดูแลผู้สูงอายุ โดยเพิ่มนักบริบาลและคุ้มครองพิทักษ์สิทธิ์ผู้สูงอายุ จากเดิมมี 31 คน เพิ่มได้ 311 คน ,สร้างงาน สร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตคนเปราะบาง ด้วยโครงการนิคม 25 แห่งนำร่อง พบช่วยเพิ่มรายได้จริงราว 10,000 บาทต่อเดือน , พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ด้วยโครงการผู้นำคนพิการสร้างแรงบันดาลใจ TOP 10 เปลี่ยนมุมมองสังคมต่อคนพิการ จากภาระเป็นพลัง พร้อมอบรมเพิ่มศักยภาพสู่การพึ่งพาตนเอง โดยร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดมหาวิทยาลัย 6 แห่งจากที่มีกว่า 6,000 แห่ง สร้างผู้พิการมีงานทำกลายเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าแล้ว 256 คน
นอกจากนี้ เร่งรัดผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (ฉบับที่...) พ.ศ.... ด้วย , ด้านสร้างหุ้นส่วนทางสังคมสู่สวัสดิการที่ยั่งยืน ได้ลงนาความร่วมมือกับสำนักพระพุทธศาสนา ดึงวัดและพระสงฆ์ทั่วประเทศเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการดูแลคนไร้ที่พึ่ง,ขับเคลื่อนพันธกรณีระหว่างประเทศที่สำคัญ ร่วมกับองค์กรนานาชาติ ในการทำงาน และร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เรื่องสิทธิเด็ก , ด้านสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ทางสังคมเชิงรุก , ด้านพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านสังคม สร้างนักพัฒนาสังคมมืออาชีพในทุกระดับ และด้านการพัฒนาระบบ พม.ดิจิทัล เปลี่ยนกระบวนการทำงานโดยใช้เทคโนโลยีและข้อมูลขนาดใหญ่ BigData ที่ พม.รวบรวมจัดเก็บข้อมูลครบแล้วจนกลายเป็นฐานใหญ่สุดของประเทศที่เหลือเพียงการใส่พิกัดเพื่อให้ใช้ GPS ค้นหาตัวได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ จะช่วยให้ทีมช่วยเหลือสามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วขึ้น โดยผลงานทั้งหมดจะนำเสนอต่อ ครม.หลังสงกรานต์
ทั้งนี้ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ช่วยกันจนงานคืบหน้าและเดินมาได้ถึงจุดนี้ แต่ยังเป็นเพียงจุดเริ่มเท่านั้นยังต้องสานต่อ เพื่อขยายความครอบคลุมความสำเร็จให้ครบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะการเสริมศักยภาพศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) และศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ (ศบปภ.) เพราะแม้ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาจะถือว่าประสบความสำเร็จ แต่ด้วยปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพสังคมและภูมิอากาศทำให้กังวลว่านำสู่วิกฤตสังคมรูปแบบใหม่ในอนาคตได้จึงต้องเตรียมให้พร้อม ตนเองจึงวางกรอบการทำงานใน 6 เดือนข้างหน้าและขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนช่วยกันทำงานตามกรอบนี้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการปรับ ครม. เพราะไม่ว่าตนเองจะถูกปรับหรือไม่ แต่กรอบการทำงานจะไม่เปลี่ยน