ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

เนคเทคเผยภารกิจมุ่งสร้างสาธารณูปโภคไอทีให้ประเทศ

วันที่ลงข่าว: 28/01/19

          เนคเทคเปิดตัวทีมบริหารชุดใหม่  มุ่งเป้าสร้างฐานรากสำคัญด้านไอทีให้ประเทศ ด้วยจุดแข็งจากความเชี่ยวชาญด้านไซเบอร์-ฟิสิคัล ซิสเต็มส์ 

          ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ  หรือเนคเทค  เปิดตัวทีมบริหารชุดใหม่ ซึ่งได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที 2 ตุลาคม 2561  นำ  "ดร.ชัย  วุฒิวิวัฒน์ชัย" ผู้อำนวยการเนคเทค    ซึ่งทำงานที่เนคเทคมากว่า 20 ปี  โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประมวลผลสัญญาณเสียง และปัญญาประดิษฐ์   "ดร.อลิสา  คงทน"  เป็นรองผู้อำนวยการด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และเซ็นเซอร์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง    "ดร.พนิตา  พงษ์ไพบูลย์"   เป็นรองผู้อำนวยการด้านวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบแลเครือข่ายอัจฉริยะ  และ "ดร.กัลยา  อุดมวิทิต"  เป็นรองผู้อำนวยการด้านบริหาร

           ดร.ชัย   กล่าวว่า  สิ่งที่เนคเทคเชี่ยวชาญ   คือ  "ไซเบอร์-ฟิสิคัล ซิสเต็มส์"   (Cyber-physical Systems ) หรือ CPS  ซึ่งเป็นระบบที่บูรณาการการทำงานในโลกไซเบอร์และโลกกายภาพที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน เพื่อให้สรรพสิ่งบนโลกกายภาพมีความฉลาดมากขึ้น   ซึ่งเทคโนโลยีที่จำเป็นของ CPS ก็คือ  "เซ็นเซอร์ ระบบเครือข่าย เอไอ และบิ๊กดาต้า"    

           ทั้งนี้ ด้วยบุคลากรวิจัยของเนคเทคที่มีประมาณ 400 คน  แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อโจทย์ปัญหาที่เข้ามาอย่างหลากหลาย  ประกอบกับที่ผ่านมาเนคเทคยังไม่สามารถผลักดันให้ผลงานหลาย ๆ ชิ้น ก้าวข้ามไปสู่แพลตฟอร์มที่ใช้งานในระดับประเทศได้    จึงมองว่า เนคเทคควรที่จะทำงานวิจัยที่เป็นฐานรากสำคัญด้านเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และสารสนเทศขั้นสูงของประเทศ 

            “....เปรียบเสมือนสาธารณูปโภคด้านไอทีของประเทศไทย   และจะต้องมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันกับพันธมิตรหน่วยงานอื่น ๆ มากขึ้น เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ของการใช้เทคโนโลยีที่วิจัยและพัฒนาขึ้นมา ...”

          นอกจากนี้ยังต้องเตรียมความพร้อมงานวิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต   ซึ่งเนคเทคได้รับภารกิจด้านฟรอนเทียร์รีเสิร์ซ  หรือการวิจัยขั้นแนวหน้าใน 2 เทคโนโลยีหลัก คือ  "ควอนตัม"  ที่ในไทยยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้น้อยมาก และ "เทราเฮิรตซ์" ซึ่งเป็นเทคโนโลยีคลื่นความถี่  ที่มีความสามารถในการทะลุทะลวงสูงมาก ซึ่งจะมีการนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการแพทย์และอาหาร

           สำหรับงานวิจัยใน  4 ปี  หลังจากนี้  ผอ.เนคเทค  กล่าวว่ามี 8 เป้าหมายหลัก  คือเรื่องการบูรณาการข้อมูลประชากร    เกษตรแม่นยำ   อุตสาหกรรมอัจฉริยะ   เอไอสัญชาติไทย  เซ็นเซอร์คุณภาพสูง ไอทีเพื่อสุขภาพ  การศึกษาอัจฉริยะ และเมืองอัจฉริยะ หรือสมาร์ทซิตี้

          เป้าหมายที่น่าจะเห็นผลชัดเจนในระยะเวลา1ปีแรก  ก็คือ  TP MAP  ระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า  ที่มีการนำบิ๊กดาต้าและเอไอไปวิเคราะห์หาคนจนเป้าหมายในมิติต่าง ๆ ซึ่งจะมีการเพิ่มเติมข้อมูลเข้ามา  และโครงการนี้คาดหวังถึงขั้นในอนาคต  ประชาชนทั่วไปจะสามารถใช้ประโยชน์ในการตรวจสอบได้ว่าสวัสดิการของรัฐที่ตนเองได้รับมีอะไรบ้าง 

           "การจะทำให้สำเร็จตามเป้าหมายนั้น   ปัญหาสำคัญของไทย กว่า 50 % อยู่ที่การทรานสฟอร์มองค์กร หรือหน่วยงานต่าง ๆ ไปสู่ดิจิทัล  ซึ่งเนคเทคพร้อมจะช่วย  แต่ก็มีโครงการที่คาดว่าจะไปเป็นได้  ก็คือ Agri-Map (อะกริ แมพ)  ที่จะมีการนำไปใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวางมากขึ้น  ไม่ใช่แค่ การนำข้อมูลจากรัฐไปสู่เกษตรกร  แต่ยังเป็นการนำเข้าข้อมูลจากเกษตรกรในพื้นที่มาสู่ส่วนกลาง สามารถสร้างคลังข้อมูลองค์ความรู้ของพืชแต่ละชนิดได้อีกด้วย"

          ส่วนเรื่องเอไอ ที่กำลังมาแรง  ผู้บริหารเนคเทคบอกว่า  จะมีการทำโซลูชั่นออกมาเป็นบริการมากขึ้น   ซึ่งสิ่งที่จะผลักดันก็คือ "แซทบอท"  (CHAT BOT) สัญชาติไทยที่จะออกมาเป็นทางเลือกให้ผู้ใช้งาน  โดยอาศัยจุดขายที่ความเชี่ยวชาญด้านการประมวลผลภาษาไทยของเนคเทค

          และในปีนี้....เนคเทคได้รับมอบหมายจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) ให้ดูแลการจัดตั้ง 2 ศูนย์บริการสำคัญที่จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ คือ  "ศูนย์ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์" (Supercomputer Center) ซึ่งจะใช้งบประมาณใน 3 ปีประมาณ  800 ล้านบาท  ตั้งเป้าช่วยประมวลผลข้อมูลขั้นสูงได้ถึง 150 ล้านคอร์ชั่วโมง  ใน 3 ปีข้างหน้า    และ "ศูนย์ซีพีเอส เซ็นเตอร์" (CPC Center) ซึ่งจะช่วยให้คำปรึกษาและพัฒนาบุคลากรในด้านนี้ให้กับภาคเอกชนได้ไม่ต่ำกว่า 200 คนใน 3 ปีเช่นกัน

 

ที่มาของข่าว https://www.dailynews.co.th/it/690097
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก