ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

6 เดือนรัฐบาล-งานสังคมคืบหน้า

วันที่ลงข่าว: 21/04/15

ในงานแถลงผลดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 6 เดือนเมื่อวันศุกร์ที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านสังคม ระบุว่า เรื่องสังคมมีกระทรวงที่สำคัญในการทำงาน คือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

 

 

ขณะที่ทุกฝ่ายทุกกระทรวง รวมทั้งภาคเอกชนต้องร่วมมือกัน รัฐบาลยึดหลักการทำงานให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน จึงแตกเป็นนิยามคือ “ลดความเหลื่อมล้ำ ค้ำจุนกัน สร้างสรรค์สังคมไทย” เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการทำงานในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และมีการตั้งเป้าหมายไว้ใน 1 ปี ประเด็นสำคัญคือ การบูรณาการและพัฒนาคนตลอดชีวิตตั้งแต่เด็กเล็ก วัยเรียน วัยรุ่นที่จะเน้นเรื่องแม่วัยรุ่น และการดูแลผู้สูงอายุ โดยรัฐบาลจัดงบประมาณสนับสนุนให้กับเด็กแรกเกิด 400 บาทต่อคนต่อเดือน 

 

 

สำหรับครอบครัวยากจน เป็นโครงการนำร่อง 1 ปี และจะประเมินผลว่าทำงานได้ผลมากน้อยแค่ไหนโดยจะมีองค์กรยูนิเซฟ เข้ามาช่วยติดตามประเมินผลด้วย ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขมีโครงการดูแลเด็กแรกเกิดควบคู่กันไป และนำแอพพลิเคชั่นมาช่วยในการลดความเหลื่อมล้ำ อาทิ กดดู รู้ทันที ซึ่งจะให้รู้เรื่องของโรคต่างๆ ฯลฯ และแต่ละกระทรวงจะมีการจัดทำแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเช่นเดียวกัน

 

 

นอกจากนั้นยังมีนโยบายสนับสนุนเบี้ยคนพิการเพิ่มจาก 500 เป็น 800 บาทต่อเดือน ไม่ใช่ให้เงินอย่างเดียวแต่จะเปลี่ยนภาระเป็นให้ประโยชน์โดยขณะนี้กำลังจัดทำระบบจัดหางานและฝึกงานเพื่อสนับสนุนการจ้างคนผู้พิการ แต่ที่ผ่านมายังหาไม่ได้เพราะคนพิการยังไม่ได้รับการฝึกฝนมากทำให้เกิดจุดอ่อน และมีแผนจะช่วยเหลือโดยเทคโนโลยีฯ มีแผนงานที่จะตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อคนพิการและผู้สูงอายุในอนาคต และจัดตั้งโรงเรียนพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย นำร่องให้ความสำคัญการเลี้ยงเด็กโดยเฉพาะในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เรื่องประชาสังคม หรือเอ็นจีโอ รัฐวิสาหกิจเพื่อสังคมเป็นเรื่องที่สำคัญ หากกลุ่มภาคประชาชนเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลได้เรามีการร่วมมือกับภาคประชาชนในการดำเนินการต่างๆ 

 

 

ด้านการศึกษา นายกรัฐมนตรี ได้จัดให้มีซูเปอร์บอร์ดการศึกษา และกระทรวงศึกษามีคณะกรรมการอำนวยการปฏิรูปการศึกษา เพื่อปรับปรุงด้านการศึกษา ให้ผู้เรียนเป็นจุดศูนย์กลางเรียนรู้ตลอดชีวิตให้มีการขยายการศึกษาทางไกล อ่านออกเขียนได้ทั่วประเทศ สามารถประกอบอาชีพได้และมีการพัฒนาครูควบคู่กันไปด้วย รวมถึงเน้นการศึกษาด้านอาชีวศึกษาทวิภาคี ร่วมกับผู้ประกอบการเอกชรกว่า 8,000 บริษัท ที่ให้นักศึกษาทำงานไปพร้อมกับเรียนในสถานศึกษา โดยเน้นสาขาวิชาที่จะเป็นความต้องการของประเทศในอนาคต สำหรับเรื่องของนวัตกรรมนั้น นายกฯ สนับสนุนให้ดำเนินการพัฒนาระบบนวัตกรรม เพื่อไปเชื่อมกับการผลิตและบริการได้จริง และปรับกฎระเบียบจัดซื้อจัดจ้างเพื่อพัฒนาสินค้านวัตกรรมของไทย เช่น เครื่องช่วยฟังดิจิตอลข้อเข่าขาเทียม การพัฒนาพื้นลู่ ลานกีฬา ฯลฯ ซึ่งคนไทยทำได้มาตรฐานไม่แพ้ต่างประเทศ 

 

 

นายยงยุทธ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการค้ำจุนกัน ในช่วงที่สังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ จึงต้องร่วมกัน 6-7 กระทรวง จะจัดอบรมผู้สูงอายุไปถึงระดับชุมชนและคู่มือดูแลผู้สูงอายุ และมีทีมหมอครอบครัว 30,000 ทีม ลงพื้นที่ตามเขตสุขภาพต่างๆ ทั้งในเมืองและชนบท และมีการให้วัคซีนป้องกันคอตีบทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เป็นของขวัญปีใหม่และวัคซีน โดยจะมีการบริการแพทย์แผนไทยควบคู่ไปกับแผนปัจจุบัน นอกจากนั้นรัฐบาลได้เตรียมห้องปฏิบัติการตรวจและเตรียมพร้อมดูแลผู้ป่วย เพื่อพร้อมสำหรับโรคติดต่อที่จะระบาด เช่น โรคอีโบล่า ที่เรากังวลก่อนหน้านั้น อีกทั้งรัฐบาลยังมีแนวทางป้องกันและช่วยเหลือปัญหายาเสพติด โดยหลายหน่วยงานกันดำเนินการเชิงรุก จัดทำโครงการมาตรฐานหอพักติดดาว ครอบครัวไทยห่างไกลยาเสพติด เป็นต้น

 

 

นอกจากนั้นงานด้านสังคมยังช่วยเหลือแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และความเท่าเทียมทางเพศ เราให้ความสำคัญโดยเฉพาะที่กระทำกับเด็กและสตรี โดยมีการประชุมร่วมกับสหประชาชาติ เพื่อชี้แจงว่าประเทศไทยตั้งใจจะส่งเสริมสถานภาพสตรี ป้องกันและแก้ไขการค้ามนุษย์ ทั้งนี้ในด้านการช่วยชุมชน มีการจัดสรรงบประมาณสมทบจากรัฐส่วนกลางให้กับกองทุนสวัสดิการชุมชนที่ชะงักไป 

 

 

รองนายกฯ ด้านสังคม กล่าวว่า ขณะที่การสร้างสรรค์สังคมไทย ที่สำคัญอีกด้านคือการป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุและอุบัติภัย โดยเฉพาะ จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการดูแลสุขภาพผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ โดยฝึกอบรมอาสาสมัครเพื่อดูแลในกรณีที่เกิดเหตุขึ้น ทั้งนี้มีการจัดกิจกรรมดูแลสุขภาพนอกสถานที่ เช่น เมืองปั่นได้ เมืองปั่นดี เพื่อรณรงค์การขี่จักรยาน การลดอุบัติเหตุทางถนนที่รัฐบาลมีมาตรการลดความเสียหายและอุบัติเหตุ ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีหน่วยบริการกู้ชีพรองรับ เป็นต้น

 

ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์บ้านเมืองออนไลน์ วันที่ 20 เมษายน 2558
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก