จังหวัดศรีสะเกษบูรณาการตรวจเยี่ยมผู้ป่วยโครงการหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในพื้นที่อำเภอเบญจลักษ์
วันที่ 23 มค.68 นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้นำคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดศรีสะเกษ ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดศรีสะเกษ ชมรมแม่บ้านสาธารณสุขสาขาจังหวัดศรีสะเกษ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายท้องที่ท้องถิ่น บูรณาการเข้าเยี่ยมผู้ป่วยในโครงการหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี( พอ.สว.)ในพื้นที่ตำบลท่าคล้อ อำเภอเบญจลักษ์ จำนวน 4 ครัวเรือน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ร่างกายไม่แข็งแรง และมีฐานะยากจน
รายแรกเข้าเยี่ยมนายธวัธชัย ดวงแก้วงาม อายุ 54 ปี บ้านเลขที่ 85/3 หมู่ที่ 8 บ้านคำสะอาด ตำบลท่าคล้อ อำเภอเบญจลักษ์ ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบอ่อนแรงด้านซ้าย แขนขาไม่มีแรง ปัจจุบันอาศัยอยู่ 3 คน อาชีพรับจ้าง มีรายได้เฉลี่ย 5000 บาท/เดือน มีความต้องการรับเบี้ยผู้พิการ
รายที่ 2 นางนวนละออง กล้าหาญ อายุ 56 ปี บ้านเลขที่ 85/3 หมู่ที่ 8 บ้านคำสะอาด ตำบลท่าคล้อ อำเภอเบญจลักษ์ ป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต หลอดเลือดสมองแขนขาอ่อนแรงด้านซ้ายป่วยมาตั้งแต่ปี 2561 รับการรักษาตลอดที่โรงพยาบาลเบญจลักษ์ฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ครอบครัวอยู่อาศัยทั้งหมด 8 คน รายได้ผู้ป่วย 1,800 บาท/เดือน จากเบี้ยผู้พิการและเบี้ยผู้สูงอายุ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
รายที่ 3 นางข่อง ทาระจันทร์ อายุ 78 ปี บ้านเลขที่ 136 หมู่ที่ 8 บ้านคำสะอาด ตำบลท่าคล้อ อำเภอเบญจลักษ์ เป็นผู้สูงอายุ ป่วยเป็นโรคความดัน เส้นเลือดในสมองตีบอ่อนแรงด้านซ้ายและติดเตียง สมาชิกในครอบครัว 8 คน ผู้ป่วยมีรายได้ 1800 บาท/เดือน จากเบี้ยผู้พิการ เบี้ยผู้สูงอายุ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
รายที่ 3 นางข่อง ทาระจันทร์ อายุ 78 ปี บ้านเลขที่ 136 หมู่ที่ 8 บ้านคำสะอาด ตำบลท่าคล้อ อำเภอเบญจลักษ์ เป็นผู้สูงอายุ ป่วยเป็นโรคความดัน เส้นเลือดในสมองตีบอ่อนแรงด้านซ้าย และป่วยติดเตียง สมาชิกในครอบครัว 8 คน ผู้ป่วยมีรายได้ 1800 บาท/เดือน จากเบี้ยผู้พิการและเบี้ยผู้สูงอายุ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และ รายที่ 4 นางสาวณัฐธิดา เพียรักษา อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 167 หมู่ที่ 8 บ้านคำสะอาด ตำบลท่าคล้อ อำเภอเบญจลักษ์ ป่วยด้วยโรคแพ้ตั้งการครรภ์ คลื่นไส้อาเจียน ปวดหน่วงที่ท้อง
ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาทางช่วยเหลือทุกครอบครัวอย่างเร่งด่วน ทั้งด้านที่อยู่อาศัย หรือสิทธิประโยชน์จากภาครัฐ เป็นต้นว่า เบี้ยผู้สูงอายุ เบี้ยผู้พิการ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนเปราะบาง ซึ่งเบื้องต้นทางอำเภอและท้องถิ่นต้องเข้าจัดการ หากเกินขีดความสามารถให้ขอให้แจ้งขึ้นไปในระดับจังหวัด เพื่อจะได้เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือต่อไป โอกาสนี้ ทางคณะได้มอบเงินและสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นเพื่อบำรุงขวัญกำลังใจแก่ทั้ง 4 ครอบครัวอีกด้วย