ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

จังหวัดสุราษฎร์ธานีประชุมคณะกรรมการกีฬาจังหวัดครั้งแรกในปีงบประมาณ 2568 พร้อมเดินหน้าพัฒนาการกีฬาสู่ความเป็นเลิศ

วันที่ลงข่าว: 27/12/24

          วันที่ 26 ธ.ค.67  นายนันธวัช  เจริญวรรณ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี  ประชุมคณะกรรมการกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี  ครั้งที่ 1/2568  เพื่อรับทราบและติดตามการดำเนินการของคณะทำงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง  อาทิ การส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 48  "จันท์เกมส์" จังหวัดจันทบุรี  ซึ่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันฯ  ระหว่างวันที่ 9 - 20 ธันวาคม 2567 จำนวน 30 ชนิดกีฬา จำนวนนักกีฬา 281 คน  และเจ้าหน้าที่/ผู้ฝึกสอน จำนวน 74 คน  ผลการแข่งขันจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ลำดับที่ 20 ของประเทศ  โดยได้ทั้งหมด 12  เหรียญทอง 11 เหรียญเงิน  18 เหรียญทองแดง  และติดตามความพร้อมการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 41 ระหว่างวันที่วันที่ 20 - 30 มีนาคม 2569  และกีฬาอาวุโสแห่งชาติ ครั้งที่ 8  ระหว่างวันที่ 27 เมษายน - 4 พฤษภาคม 2569  ซึ่งการกีฬาแห่งประเทศไทย  ได้มอบหมายให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฯ  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการของแต่ละภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งคาดว่าเมื่อถึงวันแข่งขันฝ่ายต่างๆ  จะดำเนินการสำเร็จลุล่วงด้วยความเรียบร้อย

          นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาในเรื่องของการจัดหาทุน  เพื่อหารายได้เป็นค่าเหรียญรางวัลให้กับนักกีฬาที่สร้างชื่อให้กับจังหวัดสุราษฎร์ธานี  ในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ  กีฬาแห่งชาติ  และกีฬาคนพิการแห่งชาติ  ซึ่งเดิมทีใช้เงินจากมูลนิธิเพื่อการพัฒนากีฬาจังทวัตสุราษฎร์ธานี แต่ในปัจจุบันเงินมูลนิธิฯ มีดอกเบี้ยต่ำมาก  ไม่สามารถสนับสนุนเงินค่าเหรียญรางวัลได้  จึงขอให้ที่ประชุมพิจารณาการจัดกิจกรรมเพื่อหารายได้เป็นค่าเหรียญรางวัล เช่น การขอรับการสนับสนุนจากภาคส่วนต่างๆ  หรือการจัดกิจกรรมอื่นๆ ตามความเหมาะความ  เพื่อเป็นการสนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาการกีฬาของจังหวัดสุราษฎร์ธานีสู่ความเป็นเลิศ ทั้งในระกับชาติและระดับสากล  ทั้งนี้จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังคงค้างค่าเหรียญรางวัลให้กับนักกีฬา ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 39 "ราชบุรีเกมส์" เป็นจำนวนเงินกว่า 224,000 บาท

 

 

 อ่านช่าวเพิ่มเติม : https://thainews.prd.go.th/thainews/news/view/789096/?bid=1

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก