ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

บอร์ด สปสช. เพิ่มหน่วยดูแลเด็กพิการเข้าถึงนวดฟื้นฟูกล้ามเนื้อต่อเนื่อง เริ่ม เม.ย.นี้

วันที่ลงข่าว: 06/03/24

          วันที่ 4 มีนาคม 2567 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวว่า ในการดำเนินการระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท เพื่อให้เกิดการเข้าถึงสิทธิและบริการกับประชากรทุกกลุ่ม จำเป็นต้องมีหน่วยบริการเพื่อรองรับการให้บริการผู้ป่วยในระบบ ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และในการประชุมบอร์ด สปสช. เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาและรับทราบ การกำหนดให้ศูนย์บริการคนพิการทั่วไปและศูนย์บริการคนพิการอื่น เป็นสถานบริการสาธารณสุขอื่น ตาม มาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 กรณีการนวดไทยเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการ นำเสนอโดย ผศ.สุธี สุขสุเดช ประธานอนุกรรมการกำหนดมาตรฐานการให้บริการสาธารณสุข สปสช. และ น.ส.นงลักษณ์ ยอดมงคล ผู้ช่วยเลขาธิการ สปสช.

          นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เนื่องจากเราต้องการเพิ่มการเข้าถึงบริการนวดไทย เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการมากขึ้น และให้เด็กพิการได้รับการฟื้นฟูกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพ เมื่อปี 2562 บอร์ด สปสช. จึงได้มีมติกำหนดให้ศูนย์บริการคนพิการคนทั่วไปที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้การรับรอง และศูนย์บริการคนพิการอื่นๆ ที่เข้าเกณฑ์ที่ สปสช. กำหนด เป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ตามมาตรา 3 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ

          “การขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการมาตรา 3 กรณีการนวดไทย เป็นความร่วมมือระหว่างกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ และ สปสช. ในการพัฒนาแนวทางปฏิบัติการนวดไทยเพื่อการฟื้นฟูเด็กพิการ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานบริการที่องค์กรภาคประชาสังคมสามารถใช้บริการเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการด้วยการนวดไทยได้อย่างปลอดภัย เพื่อเติมเต็มระบบบริการสำหรับเด็กพิการโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งการให้บริการหน่วยบริการตามมาตรา 3 นี้ จะครอบคลุมเด็กพิการทุกประเภทที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ หรือเด็กพิการที่ผ่านการประเมินจากสหวิชาชีพที่เกี่ยวข้องให้ได้รับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายด้วยการนวดไทยตามมาตรฐานที่กำหนด รวมถึงได้รับความยินยอมจากพ่อ แม่ หรือผู้ปกครองตามกฎหมาย หรือ ผู้ดูแล” นพ.ชลน่าน กล่าวและว่า ส่วนกรอบการจัดบริการของศูนย์ฯ นั้น ผู้ให้บริการจะต้องผ่านการอบรมหลักสูตรนวดไทยเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการ หรือหลักสูตรการนวดไทยจากสถาบันหรือสถานพยาบาลซึ่งได้รับอนุญาตให้ถ่ายทอดความรู้สำหรับฝึกอบรมในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2556 หรือหลักสูตรการนวดไทยที่เกี่ยวข้องหรือเทียบได้กับขงกรมการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สธ.รับรอง

          นพ.ชลน่าน กล่าวว่า นอกจากนี้ องค์กรของภาคประชาชนที่มีศักยภาพในการให้บริการนวดไทยเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการจะได้รับการรับรองมาตรฐานการจัดบริการ ตามมาตรฐานที่กรมแพทย์แผนไทยฯ กำหนด

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องผลกระทบทางงบประมาณและแหล่งงบประมาณ ในปี 2567 จะเป็นปีแรกที่ศูนย์บริการคนพิการคนทั่วไปให้บริการในฐานะหน่วยบริการ ตามมาตรา 3 โดย สปสช. ได้เตรียมงบประมาณสำหรับเป็นค่าบริการนวดไทยเพื่อฟื้นฟูเด็กพิการ คาดว่าในปีนี้จะมีหน่วยบริการดังกล่าวให้บริการ จำนวน 3 แห่ง จะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 3.06 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จากงบบริการการแพทย์แผนไทย ปี 2567 ที่เป็นรูปแบบวงเงินแบบมีเพดาน การให้บริการในส่วนนี้จึงไม่มีผลกระทบทางงบประมาณ

         “ส่วนในปีถัดไป สปสช. จะมีหน้าที่ขยายขอบเขตการให้บริการให้ครอบคลุมหลายพื้นที่มากขึ้นต่อไป เพื่อให้ประชาชนที่เข้าเกณฑ์สามารถเข้าถึงบริการได้สะดวกยิ่งขึ้น และลดภาระ และความแออัดให้หน่วยบริการที่จัดบริการในลักษณะนี้” นพ.จเด็จ กล่าว

ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก