ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ผู้ว่าฯ ลำปาง เยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนร่วมพบปะให้กำลังใจ จนท. และประชาชนผู้มารับบริการ

วันที่ลงข่าว: 20/06/21

        หลังจากที่ทางจังหวัดลำปางได้มีการเปิดศูนย์ปูพรมฉีดวัคซีนให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ที่ป่วยในกลุ่ม 7 โรคเรื้อรังในเขตพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นมา จนถึงวันนี้ (18 มิ.ย.64) การปูพรมฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ของจังหวัดลำปางยังคงดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีประชาชนกลุ่มเป้าหมายทยอยเดินทางมาเข้าคิวเข้ารับการฉีดวัคซีนตามนัดหมาย

        โดยตั้งแต่เช้า ที่หอประชุมฝ้ายคำ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครลำปาง ตำบลหัวเวียง อำเภอเมืองลำปาง ซึ่งเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนใหญ่ประจำเขตพื้นที่ของอำเภอเมืองลำปาง ก็ได้มีประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่อายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ที่ป่วยในกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง ที่ทำการลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ผ่านระบบหมอพร้อม จากชุมชนต่างๆ ในเขตพื้นที่อำเภอเมือง ได้เดินทางมาขอเข้ารับการฉีดวัคซีนตามเวลาที่กำหนด เฉพาะวันนี้ทราบว่าจะมีประชาชนมาขอรับการฉีดวัคซีนอีกประมาณกว่า 500 ราย โดยการฉีดวัคซีนในวันนี้ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นพ.ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง และ นพ.พงษ์ศักดิ์ โสภณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำปาง ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีน COVID-19 ที่หอประชุมฝ้ายคำด้วย เพื่อร่วมพบปะและให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงพี่น้องประชาชนที่ได้มาขอรับบริการฉีดวัคซีนเข็มแรก ซึ่งประชาชนที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนจะต้องผ่านระบบการตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวและคัดกรองอย่างละเอียด ขณะที่ภายในศูนย์ยังคงมีการจัดเตรียมสถานที่ฉีดวัคซีนไว้เฉพาะ แบ่งเป็นจุดบริการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการที่เคลื่อนไหวยากลำบาก และจุดบริการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนผู้ที่ยังมีสภาพร่างกายปกติ พร้อมทั้งได้จัดเตรียมสถานที่ไว้เพื่อสังเกตอาการหลังการฉีดวัคซีน และได้มีการจัดเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลให้คำแนะนำแก่ประชาชนที่เข้ามารับการฉีดวัคซีนด้วย ซึ่งในภาพรวมการดำเนินการฉีดวัคซีนยังคงสามารถดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและราบรื่น โดยนับแต่สัปดาห์แรกที่ได้เริ่มทำการปูพรมฉีดวัคซีนเต็มรูปแบบ มาจนถึงวันนี้เป็นห้วงสัปดาห์ที่สองของการฉีด จังหวัดลำปางยังไม่มีรายงานพบผู้ที่มีอาการแพ้วัคซีนอย่างรุนแรง

        โดยในการตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนครั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้ร่วมพบปะกับพี่น้องประชาชนพร้อมทำการชี้แจงถึงสถานการณ์ภาพรวมของโรค COVID-19 ในเขตพื้นที่ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้กล่าวว่า ในปัจจุบันจังหวัดลำปางได้กลับคืนเป็นพื้นที่สีเขียว ไม่มีการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเติมติดต่อกันมานานแล้วกว่า 20 วัน และในส่วนนี้ทำให้จังหวัดลำปางจะได้รับโควต้าวัคซีน ในจำนวนที่น้อยลง เนื่องจากส่วนกลางจะต้องมีการนำวัคซีนไปฉีดให้กับประชาชนในเขตพื้นที่สีแดงก่อน แต่คาดว่าในสัปดาห์หน้าจังหวัดลำปางจะได้รับวัคซีนเพิ่มมากขึ้น โดยหากได้รับวัคซีนมาเพิ่มทางจังหวัดจะได้นำไปบริหารจัดการกระจายฉีดให้กับประชาชนผู้ที่ลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนไว้กับระบบหมอพร้อม รวมถึงผู้ที่มีความเสี่ยงและสามารถที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตต่อไปได้ ทั้งกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าในตลาด กลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าร้านอาหาร ผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะ ครูอาจารย์ กลุ่มคณะสงฆ์ และบุคลากรด่านหน้า แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ อสม. ที่ยังตกค้าง โดยยืนยันว่าทางจังหวัดจะพยายามจัดหาวัคซีนมาฉีดให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยร้อยละ 70 ของประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 500,000 คน ซึ่งหากดำเนินการได้ตามเป้าหมายก็คาดว่าภายในเดือนพฤศจิกายนต้นฤดูหนาวนี้ จังหวัดลำปางน่าจะสามารถดำเนินกิจกรรมการท่องเที่ยวเพื่อผลักดันและฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับพื้นที่ได้

        โดยสำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ทางจังหวัดลำปาง ยังคงได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วนที่ได้ช่วยนำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคมาบริจาคมอบให้ โดยครั้งนี้ทางร้านอาหารเรือนแพได้มอบอาหารว่าง ทั้งน้ำส้ม เค้กกล้วยหอม ซาลาเปา และหอการค้าจังหวัดลำปางได้ร่วมกับชมรมนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC นำอาหารกล่องอีกจำนวน 3,200 ชุด มามอบให้ เพื่อสำหรับเป็นสวัสดิการแก่เจ้าหน้าที่ภายในศูนย์ฯ รวมถึงเพื่อแจกจ่ายเป็นอาหารกลางวันให้กับประชาชนที่มารับบริการฉีดวัคซีนด้วย ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้ให้เกียรติเป็นตัวแทนในการรับมอบ

        ทั้งนี้สำหรับการฉีดวัคซีนภาพรวมทั้งจังหวัดของจังหวัดลำปาง ได้มีสถิติข้อมูลถึงวันที่ 17 มิถุนายน 2564 พบว่าในเขตพื้นที่ได้มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายไปแล้วกว่า 33,551 เข็ม แบ่งเป็นผู้รับวัคซีนเข็มแรก 21,877 ราย และผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้วสองเข็ม 11,674 ราย โดยในจำนวนนี้พบผู้มีอาการไม่พึงประสงค์เพียงเล็กน้อย คิดเป็นร้อยละ 3.38 ขณะที่ผู้มีอาการทุกรายสามารถหายเป็นปกติได้เองภายใน 1-2 วัน

 

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก