ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

จ.มหาสารคาม หน่วยงานลงพื้นที่ช่วยเหลือเบื้องต้นเด็กสาววัย 13 ปี ภายหลังถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือ

วันที่ลงข่าว: 08/01/20

          เปิดบันทึก พี่สาวน้ำตาคลอ...เขียนเล่าความในใจ ต่อแฝดผู้น้องนอนติดเตียง ของเด็กสาวผู้น่าสงสารวัย 13 ปี ภายหลังถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือระบุพิการช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 

          วันที่ 7 มกราคม 2563 ที่บ้านเลขที่ 30 ถนนผดุงวิถี ซอย 2 ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมหาสารคาม นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย เหล่ากาชาดจังหวัดมหาสารคาม เทศบาลเมืองมหาสารคาม สนง.พมจ.มหาสารคาม สนง.แรงงาน จ.มหาสารคาม สนง.สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.มหาสารคาม สนง.สาธารณสุข จ.มหาสารคาม สนง.ประกันสังคม จ.มหาสารคาม และ สนง.ประชาสัมพันธ์ จ.มหาสารคาม ลงพื้นที่ตามหนังสือร้องทุกข์ ด้วยสำนักพระราชวัง แจ้งว่า เด็กหญิง ธนพร คณะมะ (น้องปราย) อายุ 13 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 ถนนผดุงวิถี ซอย 2 ตำบลตลาด อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลบูรพาพิทยาคาร มีหนังสือกราบบังคมทูล สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขอพระราชทานความช่วยเหลือให้แก่น้องสาวฝาแฝด ชื่อเด็กหญิงธนวรรณ คณะมะ (น้องฝ้าย) ผู้พิการโรคชักเกร็ง เป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ 

         โดยได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายฎีกา ความว่า ขอความช่วยเหลือเนื่องจากมีฝาแฝดเป็นคนพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และต้องใส่แพมเพิสตลอด และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลบ่อยครั้งโดยมีโรคประจำตัว คือโรคชักเกร็งและปอดเล็ก รวมทั้งแม่มีโรคประจำตัว คือ เบาหวาน และความดัน ส่วนพ่อเสียชีวิตแล้ว ปัจจุบันมีพี่สาวหาเลี้ยงเพียงคนเดียวซึ่งมีความประสงค์ขอให้หางานเพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่งให้กับครอบครัวให้ด้วย ด้วยเหตุนี้จึงขอพระมหากรุณา เป็นที่พึ่ง 

         ภายหลังจากการลงพื้นที่และสอบถามข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจ้งว่า (น้องปราย) ที่ขอความประสงค์อยากจะทำงาน แต่อายุยังไม่ถึง 15 ปี ยังรับเข้าทำงานไม่ได้ ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน แต่พี่สาวคนโตอายุ 36 ปี ทำงานอยู่ที่ร้านกาแฟมีรายได้วันละ 300 บาท สามารถสนับสนุนให้เข้ารับการฝึกอบรม การนวด การตัดผมชาย เพื่อที่จะได้เป็นอาชีพที่อิสระ สามารถเปิดร้านที่บ้าน ก็คงพอได้แบ่งเบาภาระแม่ซึ่งต้องคอยดูแลลูกแฝดซึ่งที่ยังพิการ ในยามที่พี่สาวคนโตไปทำงานในช่วงเวลา 09.00  - 18.00 น. และลูกสาวที่ไปเรียนได้บ้าง 

         สำหรับในการช่วยเหลือด้านอื่นๆ โดยเบื้องต้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ลงพื้นที่ในวันนี้จะได้หาแนวทางเพื่อทำการช่วยเหลือต่อไป ซึ่งจะเป็นการพิจารณาหาแนวทางคลี่คลายปัญหาได้ระดับหนึ่ง หลังจากนั้นจะได้นำความกราบบังคมทูลถวายรายงานประกอบพระราชวินิจฉัยต่อไป 

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก