ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอำนาจเจริญ จัดอบรมอาสาสมัครเชี่ยวชาญด้านคนพิการ

วันที่ลงข่าว: 07/01/20

          วันที่ 6 ม.ค. 63 เวลา 10.00 น. ที่โรงแรมชิตสกนธ์ ฟลาวเวอร์แลนด์ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ นายธนูสินธ์ ไชยสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานเปิดการอบรมอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เชี่ยวชาญด้านคนพิการ โดยในปีงบประมาณ 2563 กำหนดจัดขึ้น จำนวน 2 รุ่นๆ ละ 150 คน รวม 300 คน รุ่นที่ 1 ประกอบด้วย อำเภอเมืองอำนาจเจริญ อำเภอชานุมาน อำเภอพนา รุ่นที่ 2 ประกอบด้วย อำเภอเสนางคนิคม อำเภอปทุมราชวงศา อำเภอหัวตะพาน และอำเภอลืออำนาจ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับสิทธิและสวัสดิการของคนพิการ การคัดกรอง การพัฒนาทักษะการดูแลช่วยเหลือคนพิการ ให้กับภาคประชาสังคม แกนนำด้านคนพิการ อาสาสมัครเครือข่ายทางสังคมที่เกี่ยวข้องและอาสาสมัครในพื้นที่ อันจะนำไปสู่การเสริมสร้างเจตคติเชิงสร้างสรรค์ต่อความพิการ และคนพิการ ตลอดจนเกิดเครือข่ายด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในชุมชน

          สืบเนื่องจากพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 มาตรา 20 ได้กำหนดให้คนพิการ มีสิทธิเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้จากสิ่งอำนวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะ ตลอดจนสวัสดิการและความช่วยเหลืออื่นๆ ทั้งในด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ การจัดการศึกษา การส่งเสริมอาชีพ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม ตลอดจนการเข้าถึงนโยบาย แผนงาน โครงการ ข้อมูลข่าวสารบริการสาธารณะเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก และเบี้ยความพิการ ประกอบกับแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2560 – 2564 ได้กำหนดวิสัยทัศน์ให้คนพิการเข้าถึงสิทธิอย่างแท้จริง ดำรงชีวิตอิสระในสังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันอย่างยั่งยืนภายใต้ยุทธศาสตร์แห่งความเท่าเทียม (EQUAL) 

         ดังนั้น เพื่อให้การขับเคลื่อนให้คนพิการสามารถเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการ ตามกฎหมายที่กำหนด รวมถึงขับเคลื่อนแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ 5 พ.ศ.2560 – 2564 สู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอำนาจเจริญ จึงได้จัดอบรมหลักสูตร “อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เชี่ยวชาญด้านคนพิการ ในปีงบประมาณ 2563 กำหนดจัดขึ้น จำนวน 2 รุ่น ๆละ 150 คน รวม 300 คน”

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก