ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

สธ.เปิดศูนย์บริการ "คนพิการ" เบ็ดเสร็จ แห่งแรกที่ รพ.ระยอง ขยายครบทุกจังหวัดในปี 63

วันที่ลงข่าว: 23/12/19

          สธ.เปิดศูนย์บริการคนพิการแบบเบ็ดเสร็จ แห่งแรกที่ รพ.ระยอง ให้บริการด้านสุขภาพและสวัสดิการสังคม จดทะเบียนออกบัตรประจำตัวคนพิการ ให้คำปรึกษา การปรับตัวฟื้นฟูสมรรถภาพ ฝึกอาชีพ เล็งขยายให้ครอบคลุม รพ.ศูนย์ รพ.ทั่วไป จังหวัดละ 1 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2563

          วันที่ 20 ธ.ค.62  ที่ รพ.ระยอง  นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดศูนย์บริการคนพิการแบบเบ็ดเสร็จใน รพ.ระยอง พร้อมมอบขาเทียม แขนเทียม รถเข็นและเครื่องช่วยฟัง แก่ผู้พิการ 153 ราย ว่า สธ.ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการและดูแลสุขภาพคนพิการ ทั้งด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันรักษาโรคและฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์  ได้มอบหมายให้กรมการแพทย์ร่วมกับกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ดำเนินการโครงการ “การดูแลสุขภาพคนพิการแบบครอบคลุมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ปี 2563” ภายใต้ พ.ร.บ.ส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 เพื่อให้คนพิการมีสิทธิเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้จากสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงสวัสดิการและความช่วยเหลือจากภาครัฐ

           นายสาธิต กล่าวว่า ในปี 2563 จะเปิด “ศูนย์บริการคนพิการในโรงพยาบาลแบบเบ็ดเสร็จ” One Stop Service  ให้บริการครอบคลุมทั้งบริการด้านสุขภาพและสวัสดิการสังคม เพื่อให้คนพิการได้เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของรัฐในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต  อาทิ การจดทะเบียนและออกบัตรประจำตัวคนพิการ การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความพิการและการปรับตัว การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ การศึกษา การฝึกอาชีพ การหาผู้ช่วยเหลือคนพิการ การประเมินและฝึกใช้อุปกรณ์เครื่องช่วยคนพิการ การรับเบี้ยสงเคราะห์ การกู้ยืมกองทุนสนับสนุนคนพิการ  ดำเนินการในโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป จังหวัดละ 1 แห่งทั่วประเทศ โดยเริ่มแห่งแรกที่โรงพยาบาลระยอง โดย จ.ระยอง มีผู้พิการมาขึ้นทะเบียน 16,782คน ร้อยละ 58 เป็นความพิการทางการเคลื่อนไหว รองลงมาพิการทางการได้ยินและการมองเห็น

          "นอกจากนี้ กรมการแพทย์ได้ลงนามความร่วมมือพัฒนาระบบสาธารณสุข กับเขตสุขภาพที่ 6 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ส่งเสริม พัฒนาขีดความสามารถในการจัดการสุขภาพตนเองของประชาชนและชุมชน รองรับพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกและพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ทั้งการพัฒนาการสาธารณสุขทางทะเลรองรับความจำเป็นทางสุขภาพ การท่องเที่ยว สาธารณสุขชายแดน รองรับการดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ และการเติบโตสู่สังคมดิจิทัล" นายสาธิต กล่าวและว่า โดยประเด็นที่จะดำเนินการพัฒนาขับเคลื่อนร่วมกันกับเขตสุขภาพที่6  มี 3 ด้านหลักๆ ได้แก่ 1.การพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ อาทิ อบรมแพทย์อาชีวเวชศาสตร์  แพทย์ผ่าตัดกระดูกและข้อ แพทย์ศัลยกรรม  2.การพัฒนาระบบบริการและระบบส่งต่อ อาทิ ระบบบริการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว พัฒนาห้องปฏิบัติการพิษวิทยา พัฒนาการตรวจสุขภาพในกลุ่มเสี่ยงพิเศษ ผู้ทำงานในที่สูง งานเชื่อม  จัดระบบทางด่วนรับส่ง-ต่อ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke-Refer) ภายใน 24 ชั่วโมง  และ3.การพัฒนาถ่ายทอดเทคโนโลยี  อาทิ หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด การผลิตแม่พิมพ์ขึ้นรูปกายอุปกรณ์ เป็นต้น

 

ที่มาของข่าว https://mgronline.com/qol/detail/9620000121393
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก