การบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านที่ไม่ใช่ภาษา ตอนที่ 6 (Nonverbal Learning Disorders หรือ NLD) (1996) 16/08/2010
การวินิจฉัยการบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านที่ไม่ใช่ภาษา/กิริยา
การแสดงออกทางสังคม
การบกพร่องในการรับรู้ทางสังคมและการตัดสินทางสังคม แม้ว่าเด็กคนนั้นจะกำลังดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้เหมาะสมลงตัวและการกระทำต่างๆ ของเธอที่ไม่ได้ตั้งใจอย่างแน่นอน มักจะถูกตีความผิดจากผู้ใหญ่หรือเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันว่าเป็นความประพฤติที่ “น่ารำคาญ” หรือ “เรียกร้องความสนใจ” เป็นเรื่องชัดแจ้งที่ว่า นักเรียนเหล่านี้มีแรงจูงใจที่จะทำตัวให้เหมาะสมสอดคล้องในทางสังคม แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าใจที่พวกเขารับรู้และตีความสถานการณ์ทางสังคมไม่ถูกต้องถี่ถ้วนพอ ตามปกติโดยธรรมชาติแล้ว ความงกๆ เงิ่นๆ ซุ่มซ่ามที่กระทำอยู่ไม่ได้โจ่งแจ้ง แต่ค่อนข้างจะกระทำต่อเนื่องซ้ำอย่างนั้น
ดังนั้นจึงถูกตีตราว่า “น่ารำคาญ” การบกพร่องด้านความสามารถทางสังคมเป็นองค์ประกอบที่ประสมประสานเป็นอาการของ NLD และแง่มุมของการบกพร่องด้านนี้อาจจะนำไปสู่การพึ่งพิงผู้ใหญ่ โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่มากจนเกินไป
บ่อยๆ ที่พฤติกรรมและคำพูดที่ขาดการระมัดระวังทางสังคมที่เด็ก NLD กระทำเป็นการแสดงออกของความไม่สามารถที่จะมองได้ออก และ/หรือเข้าใจสัญญาณเตือนที่รับรู้ในการติดต่อสื่อสาร การ
บกพร่องในการจัดระเบียบด้านการมองเห็นกับที่ว่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้าเป็นสาเหตุให้เขาลดความสามารถในการจดจำหน้าคน การตีความท่าทาง การถอดความหมายของเงื่อนงำทางท่าทางของคนและ “การอ่าน” การแสดงออกทางสีหน้า ประเพณีนิยมเกี่ยวกับความใกล้ชิดและระยะห่างเป็นเรื่องที่ไม่ได้ถูกรับรู้ด้วยเหมือนกัน ความเปลี่ยนแปลงในเรื่องโทนและ/หรือระดับของเสียงและ/หรือการเน้นย้ำเรื่องการสื่อสารที่ส่งมาจะไม่ได้รับการสังเกตหรือแยกแยะ เช่นเดียวกัน เด็กประเภทนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงการแสดงออกของเขาและการกล่าวออกมาเป็นคำพูด ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดจากสิ่งที่อาจจะ
ปรากฎให้เห็นเป็นลีลาการโต้ตอบที่ห้วนๆ หยาบคายไม่มีมารยาท
ความสำคัญของเครื่องหมายหรือสัญญาณเตือนที่เป็นกิริยาถูกตั้งข้อสังเกตมาก่อนแล้วว่า 65% ของความตั้งอกตั้งใจสนทนาโดยเฉลี่ยถูกสื่อสารโดยกิริยาไม่ใช่ภาษา อย่างไรก็ตามเด็กที่บกพร่องทางการเรียนรู้ด้านกิริยาจะพยายามแก้ปัญหาความอึดอัดใจโดยใช้ทักษะการพูดที่เข้มแข็งของเธอ เธอจำเป็นจะต้องปะติดปะต่อความหมายของการสนทนาจากประมาณ 35% ที่เป็นคำพูดตรงๆ ที่เธอได้รับรู้และรับทราบ เธอ “พลาด” เนื้อหาส่วนใหญ่ทั้งหมดซึ่งถูกสื่อสารโดยทางกิริยา และด้วยเหตุนั้น การตอบโต้บทสนทนาส่วนมากของเธอจะไม่ “เหมาะสม” กับอารมณ์และสภาพความคิดของโอกาสนั้นๆ เป็นไปได้ที่เด็กประเภทนี้จะถอนตัวจากสถานการณ์ทางสังคมใหม่ๆ และ/หรือทำตัว“ไม่เหมาะสม” ไป
ความบกพร่องของ NLD นำไปสู่ความได้เปรียบด้านการแปลความตัวหนังสือด้วยเหมือนกัน ซึ่งในทางกลับกันนำไปสู่การตัดสินผิดและการตีความผิดอย่างต่อเนื่อง เด็กที่เป็น NLD จะไว้วางใจคนอื่นอย่างไร้เดียงสาและไม่รับความคิดในเรื่องความไม่ซื่อสัตย์ แม้แต่ในเรื่องของ “white lies” หรือการยับยั้งข้อมูล (แม้แต่ในเรื่องการปลุกระดม) เขาจะไม่รู้ตัวด้วยเหมือนกันเมื่อเขาถูกโกหก หรือถูกหลอกลวงโดยคนอื่นๆ การหลอกลวง การฉลาดแกมโกง และ/หรือการปลอมแปลงเป็นเรื่องนอกเหนือที่เขาจะรับเอา เขาสันนิษฐานว่าทุกๆ คนเป็นมิตรที่แสดงด้านหน้าเป็นคำพูด และความตั้งใจของคนอื่นๆ คือสิ่งที่พวกเขาแสดงออกเป็นคำพูดเท่านั้น บ่อยที่เดียวที่ความไม่สามารถที่จะ “อ่าน” ความ
ตั้งใจของคนอื่นมีผลนำความโชคร้ายมากมายให้เด็กประเภทนี้กลายเป็น “แพะรับบาป” เขาจำเป็นที่จะต้องถูกสอนให้ตั้งคำถามถึงแรงจูงใจของคนอื่นๆ -เขาจะไม่เรียนรู้จากประสพการณ์
เด็กที่เป็น NLD จะยึดความเป็นจริงในการแปลความ การแสดงออกและทัศนะของโลก ความสัมพันธ์ทางสังคมของเธอมีแนวโน้มที่จะเป็นกิจวัตรประจำวันและใช้กฎเกณฑ์เก่าๆ ทุกๆ สิ่งที่เห็นจะเป็นสีดำและสีขาว ถูกหรือผิด “ความหมายที่ซ่อนอยู่” จำเป็นจะต้องชี้ออกมาให้เธอเห็น โดยสัญชาตญาณพวกเขาจะไม่สืบค้นและคิดออกได้เอง มีการตีความผิดโดยสม่ำเสมอ เด็กประเภทนี้มักถูกตำหนิอยู่บ่อยๆ ด้วยคำพูดว่า “เธอรู้ไหมว่าฉันหมายความว่าอะไร” แน่นอน เมื่อเธอไม่มีใครชี้ให้เห็น เธอก็ไม่มีทางที่จะเข้าถึงสิ่งที่ถูก “หมายความ” เพียงแต่ไม่พูดออกมาเท่านั้น
เด็กประเภทที่ไม่สามารถ “อ่าน” สัญญาณเตือนทางกิริยาที่ไม่ใช่ภาษาพูดได้ มักจะกลายเป็นคนมีมารยาทที่ไม่ดี สะเพร่า ไม่บรรลุวุฒิภาวะ ขาดการนับถือผู้อื่น เอาตนเองเป็นจุดศูนย์กลาง มีลักษณะของการต่อต้าน เป็นปฏิปักษ์ เด็กประเภทนี้เหมือนคนขับรถตาบอดสีที่ไม่สามารถตอบสนองได้อย่างเหมาะสมกับไฟจราจร เป็นเด็กประเภทที่ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เป็นข้อมูลรอบๆ ตัวเพื่อให้เกิดสามัญสำนึกที่ถูกต้อง แต่กลับได้รับสัญญาณเตือนที่ผิดและข้อมูลที่ไว้วางใจไม่ได้
ถ้าเด็กมีข้อบกพร่องที่พัฒนามาเหมือนอย่างที่อธิบายข้างบน เธอสามารถได้รับการช่วยเหลือให้มีชีวิตที่ง่ายขึ้นและลำบากน้อยลง กลวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพคือร่วมมือกันอย่างสม่ำเสมอและ
“การบอกกล่าว” อย่างชัดเจนแก่เขา ในสิ่งที่เด็กคนอื่นๆ สามารถจะสังเกตเห็นหรือชี้ออกมาได้โดยสัญชาตญาณ ด้วยการแสดงเป็นคำพูดที่ชัดแจ้ง เพราะว่านี่เป็นทางเดียวที่เด็กประเภทนี้จะรับเอาเป็นข้อสังเกตต่อสิ่งแวดล้อมของเขา การให้การช่วยเหลือที่เหมาะสมจำเป็นจะต้องทำโดยครอบครัวและทีมงานของโรงเรียนที่ทำงานกับเด็กประเภทนี้เพื่อจะทำให้ผลที่เกิดขึ้นจากความบกพร่องน้อยลง
นักการอาชีพในสาขาการศึกษาพิเศษต้องคำนึงถึงทักษะในการตรวจวินิจฉัยโรคเพื่อจะสามารถบ่งชี้และเตรียมการให้การบริการช่วยเหลือแก่นักเรียน NLD แต่เยาว์วัย