ก.ศึกษาธิการ แจงการเปิดเทอมสามารถทำได้โดยเสนอให้สภามหาวิทยาลัยพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสมเฉพาะหลักสูตรเป็นกรณี
ตามที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.) ชึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มอาจารย์ เสนอว่ามหาวิทยาลัยควรเปิด-ปิดภาคเรียนตามเดิมในเดือนมิถุนายนของทุกปี เพราะมีผลกระทบบางหลักสูตร เช่น ครุศาสตร์ และเกษตรศาสตร์ เพราะไม่ตรงกับช่วงเวลาฝึกสอนและการเพาะปลูกนั้น
นายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีมหาวิทยาลัยรัฐ 81 แห่ง สถาบันอดมศึกษาเอกชน 73 แห่ง มีสภามหาวิทยาลัยเป็นผู้กำกับสูงสุดโดยมีอธิการบดีเป็นฝ่ายบริหาร ซึ่งการกำหนดเวลาเปิดเทอมเป็นอำนาจของสภามหาวิทยาลัย ซึ่ง ม.รัฐและม.เอกชนทั้ง 154 แห่งในไทยมีการเปิดเทอมแรกของปีการศึกษา 2 แบบคือ (1) เปิดมิถุนายน แบบเดิม (2) เปิดสิงหาคม ตามสังคมโลกรวมทั้งในอาเซียน ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยบางแห่งเลือกเปิดแบบเดียว และบางแห่งก็เปิดเทอม 2 แบบตามความเหมาะสมของหลักสูตรที่สอน ดังนั้นกำหนดการเปิดเทอมต้องเสนอให้สภามหาวิทยาลัยพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นกรณีไปตามความจำเป็นเฉพาะหลักสูตร ซึ่งมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งสามารถเปิดเทอมได้ 2 แบบอยู่แล้วหากจำเป็น ไม่ใช่จงใจมาร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีซึ่งไม่มีอำนาจพิจารณา
นายสุภัทร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีหลักสูตรครุศาสตร์ ถ้าเปิดสิงหาคมจะมีปัญหาตารางงาน นศ.ฝึกสอนจะไม่ตรงกับเวลาการเปิดเทอมของโรงเรียน สพฐ.จริง ซึ่งสภามหาวิทยาลัยสามารถปรับเวลาเปิดเทอมหรือตารางฝึกสอนได้ ส่วนกรณีหลักสูตรเกษตรศาสตร์เฉพาะที่อาจมีสาขาในแปลงเกษตรที่ไม่ตรงฤดูกาลควรต้องปรับตารางเรียนหรือปรับเวลาเปิดเทอมก็สามารถทำได้โดยสภามหาวิทยาลัย ส่วนการเช่าหอพักของ นศ.ไม่ว่ามหาวิทยาลัยจะเปิดเรียนตอนช่วงใด นศ.ก็ต้องเช่าหอพักอยู่แล้วหากไม่มีที่พักของตนเอง