ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

บทความ : ไทยผู้นำอาเซียน พัฒนาเกษตรอินทรีย์ครบวงจร

วันที่ลงข่าว: 26/06/17

        พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ. 2560-2564 ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อเป็นแนวทางขับเคลื่อนและพัฒนาเกษตรอินทรีย์ในระยะ 5 ปี ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว

ยุทธศาสตร์ดังกล่าว ประกอบไปด้วย 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่.-

-ยุทธศาสตร์ที่ 1 ส่งเสริมการวิจัย การสร้างและเผยแพร่องค์ความรู้และนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์

-ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาการผลิตสินค้าและบริการเกษตรอินทรีย์

-ยุทธศาสตร์ที่ 3 พัฒนาการตลาดสินค้าและบริการ และการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์

-ยุทธศาสตร์ที่ 4 การขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์

        การขับเคลื่อนนโยบายเกษตรอินทรีย์ ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา เกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ปี 2560-2564 มีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ในปี 2564 ไม่น้อยกว่า 1,333,860 ไร่ และมีจำนวนเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 96,670 ราย เพิ่มสัดส่วนตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ในประเทศ 40 เปอร์เซ็นต์ และตลาดต่างประเทศ 60 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งยกระดับกลุ่มเกษตรอินทรีย์วิถีพื้นบ้านเพิ่มขึ้น ให้ความสำคัญกับ กลุ่มเกษตรอินทรีย์ที่มีความพร้อมเป็นผู้นำต้นแบบเพื่อให้มีอาหารปลอดภัยและได้มาตรฐาน ปัจจุบันมีพื้นที่ผลิตเกษตรอินทรีย์ทั่วโลกรวม 318 ล้านไร่ ใน 183 ประเทศ ขณะที่ ด้านการตลาดมีมูลค่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั่วโลกรวม3.0 ล้านล้านบาท สำหรับไทยมีพื้นที่ ผลิตรวม 0.3 ล้านไร่ถือเป็นอันดับ 8 ของเอเชีย และอันดับ 60 ของโลก สินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทยที่สำคัญ ได้แก่ กะทิ เครื่องแกง ซอส ข้าว และอื่น ๆ เช่น มะพร้าวน้ำหอม ชา กาแฟ และสมุนไพร

        ยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติจะช่วยผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำ ในระดับภูมิภาคด้านการผลิต การค้า การบริโภค และการบริการเกษตรอินทรีย์ที่มีความยั่งยืนและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล การดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายเกษตรอินทรีย์ในปี 2560 แบ่งพื้นที่การดำเนินงานเป็น 2 ส่วน คือ จังหวัดยโสธรปลูกข้าวอินทรีย์เป็นพืชหลัก ปลูกพืชผักหลังนา และเลี้ยงไก่อินทรีย์เป็นกิจกรรมเสริม และพื้นที่ทั่วไปซึ่งมีกิจกรรมหลากหลายทั้งพืช ปศุสัตว์ และประมงอินทรีย์

ส่วนกลไกขับเคลื่อนการดำเนินงาน แบ่งเกษตรกรออกเป็น 3 กลุ่ม

-กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มเริ่มใหม่ ที่สมัครเข้าร่วมโครงการและได้รับคำแนะนำ การปฏิบัติตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ได้รับการสนับสนุนปัจจัยการผลิตหรือความรู้เบื้องต้น

-กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มเกษตรกรที่พร้อมยกระดับ โดยเป็นกลุ่มเกษตรกรที่ปฏิบัติตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์อยู่แล้ว และอยู่ระหว่างการขอรับรอง ให้การสนับสนุน ตั้งโรงผลิตปุ๋ยหมักเติมอากาศ ปัจจัยการผลิตจัดทำแปลงสาธิต หมู่บ้านต้นแบบ ศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ พัฒนาต่อยอดการผลิต

-กลุ่มสุดท้าย ได้รับการรับรองเกษตรอินทรีย์แล้ว จะมีการเชื่อมโยงตลาดและเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้า ส่งเสริมการแปรรูปและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ สร้างตราสินค้าเกษตรอินทรีย์ และติดตั้งระบบตรวจสอบสินค้า

ส่วนผลการตรวจรับรองเกษตรอินทรีย์ในปี 2560 พื้นที่รวมทั้งประเทศ 109,040 ไร่ แยกเป็นข้าว และพืชผสมผสาน 

 

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก