ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ไทยมีโอกาสได้รับวัคซีนโควิด-19 ลำดับต้นๆ ของโลก หลังอ็อกซฟอร์ด ลงนามใช้ไทยเป็นฐานการผลิต

วันที่ลงข่าว: 19/10/20

          นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับสุขภาพของคนไทย พยายามผลักดันให้ประชาชนชาวไทย เป็นประเทศแรกๆ ของโลกที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) การผลิตและจัดสรรวัคซีนวิจัยป้องกันโควิด-19 ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด โดยวัคซีนที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิต ซึ่งมีการพัฒนาวัคซีนอย่างต่อเนื่องและมีความก้าวหน้าอย่างมาก โดยเริ่มทดลองกับมนุษย์แล้ว และจะใช้โรงงานของ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เป็นแหล่งผลิตวัคซีน โดยการลงนามครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือด้วยการประสานงานของเอสซีจี ซึ่งเป็นพันธมิตรร่วมงานด้านวิจัยและพัฒนานวัตกรรมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ดมายาวนาน และในหนังสือแสดงเจตจำนงดังกล่าว มหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด ยังได้ให้สิทธิประเทศไทย ในการจัดจำหน่ายวัคซีนให้แก่ประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วย แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพด้านการสาธารณสุข มีความสามารถที่จะใช้เป็นฐานการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งมีความสำคัญต่อประชากรโลกและจะทำให้คนไทยได้รับวัคซีนเป็นประเทศแรกๆ ของโลก นอกจากนี้ ยังจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการจัย ซึ่งแสดงถึงความคืบหน้าไปอีกขั้นในการจัดหาวัคซีนวิจัยมาใช้ในประเทศ ซึ่งจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

          นอกจากนี้ รัฐบาลได้เตรียมจัดหาวัคซีนหลายแนวทาง ไม่ว่าจะเป็น การจองล่วงหน้าจากต่างประเทศและสนับสนุนการผลิตวัคซีนภายในประเทศ เพื่อให้ได้วัคซีนอย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ ลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลได้เตรียมความพร้อมเรื่องงบประมาณ ซึ่งนอกจากการจัดสรรวงเงินตามเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่มีการจัดสรรไว้ให้ใช้ด้านสาธารณสุข รวมถึงการพัฒนาวัคซีนวงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท ยังมีการจัดสรรงบกลางฯ ในปี 2564 อีกประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย

 

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก