ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป หวังขยายตลาดสินค้าไทย

วันที่ลงข่าว: 06/12/19

         นางอรมน  ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ หาแนวทางรื้อฟื้นการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ กับสหภาพยุโรป หรืออียู ใหม่อีกครั้ง หลังจากอียูได้จัดทำเอฟทีเอกับประเทศสิงคโปร์และเวียดนามไปแล้ว ส่งผลให้อียู ยกเลิกหรือได้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสิงคโปร์และเวียดนามที่ส่งออกไปอียู ที่สำคัญอาจมีผลให้ไทยเสียโอกาสหรือเสียแต้มต่อให้กับคู่แข่งขันในประเทศอื่น เนื่องจากอียู เป็นคู่ค้าสำคัญของไทยอยู่ในอันดับที่ 4 รองจากอาเซียน จีน และญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีตลาดการค้าขนาดใหญ่แนวโน้มการเติบโตและมีกำลังซื้อสูง หากไทยสามารถจัดทำ เอฟทีเอกับอียู จะขยายโอกาสการจำหน่ายสินค้าจากไทย  

          ที่ผ่านมากรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ดำเนินการจัดรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องใน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 10 ครั้ง ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการจัดทำเอฟทีเอ กับอียู เนื่องจากสินค้าเกษตร สินค้าประมง สินค้าปิโตรเคมี สินค้าอุตสาหกรรมของไทยหลายประเภทมีศักยภาพเพียงพอ ขณะเดียวกันผู้ประกอบรายย่อยและกลุ่มเกษตรยังแสดงความกังวลว่ายังไม่มีความพร้อมเพียงพอที่จะเปิดรับการแข่งขันจากอียู และยังเสนอให้จัดตั้งกองทุนเอฟทีเอ เพื่อเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา หรือไอเอฟดี ศึกษาข้อดีข้อเสียและผลกระทบจากการจัดทำเอฟทีเอ ไทยกับอียู คาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมนี้ 

          สำหรับผลการศึกษาเบื้องต้นภาพรวมเป็นเรื่องดีที่ไทยต้องการจัดทำ เอฟทีเอ กับอียู จากการศึกษาพบว่าจะส่งผลดีต่อจีดีพีของไทยเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 1.63 การส่งออกและนำเข้าขยายตัว มีสวัสดิการสังคมเพิ่มขึ้น การบริโภคในครัวเรือนเพิ่มขึ้น ภาคการลงทุนเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 2.4 ตัวเลขคนจนลดลงประมาณ 390,000 ล้านคน แต่อาจส่งผลกระทบต่อสินค้าที่ต้องมีการปรับตัว เช่น กลุ่มเมล็ดถั่ว น้ำตาล รวมถึงด้านการสาธารณสุขระบบยา การคุ้มครองพันธุ์พืช สินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้รับไปศึกษา และข้อมูลทั้งหมดจะสรุปผลนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศหรือระดับนโยบายพิจารณาต่อไป 

          อย่างไรก็ตามช่วง 10 เดือนแรกของปี 2562 ไทยมีมูลค่าการค้ากับอียู ประมาณ 37,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยไทยส่งออกสินค้าไปอียูประมาณ 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีการนำเข้าประมาณ 17,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 

 

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก