ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

คุยกับ Temple Grandin เกี่ยวกับภาพยนตร์ชีวประวัติ “Temple Grandin”

Claudia Wallis วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ 2553

Claire Danes นำแสดงในภาพยนตร์ชีวประวัติของ “Temple Grandin
 
Temple Grandin คือคนออทิสติกที่อเมริการู้จักดีที่สุด และกำลังจะกลายเป็นคนมีชื่อเสียงมากขึ้นไปอีก เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ HBO ได้เปิดตัวภาพยนตร์สารคดีเรื่องหนึ่ง โดยดาราสาว Claire Danes นำแสดงในบทของสาวผู้ขี้อาย มีปัญหาในการเข้าสังคม ที่กลายเป็นนักสัตวศาสตร์ที่ปราดเปรื่อง แม้จะมีความพิการ และความแตกต่างจากไปคนอื่นๆ แต่ด้วยความพิการนี้เองแหละ ทำให้เธอประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงในสองเวที กล่าวคือ ในฐานะของนักออกแบบโรงฆ่าสัตว์อย่างมีมนุษยธรรม และนักประพันธ์และกระบอกเสียงของคนเป็นออทิสติก ภาพยนตร์เรื่อง “Temple Grandin”  นี้ แกะรอยชีวิตตั้งแต่ตอนเด็กของ Grandin ซึ่งไม่ยอมพูดไม่ยอมจา และไม่อยากไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับโลกภายนอกสักเท่าไรในตอนอายุ 4 ขวบ เนื่องมาจากเคยได้รับความเจ็บปวดจากการถูกทำให้ขายหน้าในโรงเรียน ไปจนกระทั่งตอนที่ได้รับความสำเร็จสูงสุดในเมืองคาวบอย Claudia Wallis ได้สนทนากับ Grandin ที่ปัจจุบันอยู่ในวัย 62 แล้ว และมีตำแหน่งเป็นถึงศาสตราจารย์ทางด้านสัตวศาสตร์แห่ง Colorado State University ถึงภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่องนี้ไว้ดังนี้
 
ดาราสาว Claire Danes สวมบทบาทได้สมจริงตามความทรงจำในวัยเด็กของคุณมากน้อยเพียงใด
 
ดูราวกับว่าได้เดินทางไปกับจักรกลข้ามเวลา (Time Machine) ที่แปลกประหลาด
Claire กลายเป็นตัวฉันที่ย้อนกลับไปในอดีตเมื่อทศวรรษที่ 60 และ 70 นั่นเทียว
 
รวมไปถึงวิธีการพูดเร็วๆ แปลกๆ นั่นด้วยใช่ไหม? คุณดูไม่เป็นอย่างนั้นเลยในตอนนี้

นั่นคือสิ่งที่ฉันเคยเป็นมาก่อน การเป็นออทิสติกนี้ คุณจะค่อย ๆ มีอาการดีขึ้นตามลำดับ อาการออทิสติกและอาการในกลุมโรคคลายออทิสติก จะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ถ้าคุณยังคงปฏิบัติตามและเปิดใจรับทุกอย่างที่จะช่วยให้คุณดีขึ้น
 
เนื่องจากคุณใช้วิธีการจำเป็นภาพ คุณรู้สึกรำคาญบ้างไหมเมื่อได้เห็นความแตกต่างระหว่างเหตุการณ์หรือสถานที่จริงๆ กับภาพที่จำลองออกมาในภาพยนตร์?

แต่มันมีความคล้ายกันอย่างน่าอัศจรรย์ อย่างเช่น ฉากไร่ปศุสัตว์ของคุณป้าของฉัน เขาก็เลือกบ้านนอกเมือง Texas ที่มองดูแล้ว เหมือนกับไร่ของคุณป้าใน Arizona  
 
คุณให้ข้อมูลในด้านไหนบ้าง?

ฉันให้ข้อมูลไปเยอะแยะในเรื่องเกี่ยวกับเรื่องวัวควาย ฉันต้องการให้แน่ใจได้ว่ามันถูกต้องอย่างแท้จริง ฉันชอบวิธีที่เขาสร้างงานในโครงการต่างๆ ของฉันขึ้นมาใหม่ เขาสร้างบ่อจุ่มตัว [การอาบน้ำยาฆ่าสัตว์ที่รบกวนวัวควาย] ที่ต่างจากแบบร่างรูปบ่อเดิมเมื่อทศวรรษที่ 1970 ของฉัน แต่ปรากฏว่ามันคือบ่อจุ่มตัวที่ใช้การได้ดีเสียด้วย! คนที่รู้แต่ทำไม่เป็นอย่างฉันรับว่าชอบมันมากจริง ๆ
 
คุณจะบอกอะไรเราเรื่อง “อุปกรณ์โอบกอด” (squeeze machine) อันเลื่องลือ ที่คุณสร้างขึ้นมาสมัยยังเป็นวัยรุ่น เพื่อทำให้ตัวเองสงบสุขในอ้อมกอดของอุปกรณ์นี้บ้างล่ะ?

มันถูกสร้างขึ้นมาตรงตามภาพสเก็ตช์ของฉันทุกประการเลย
 
ผู้สร้างภาพยนตร์ได้พยายามเก็บภาพจากวิธีการคิดเป็นภาพของคุณด้วยการใช้เทคนิคการกระพริบภาพ ให้ดูเหมือนทุก ๆ ภาพในความคิดของคุณ ภาพที่เห็นทั้งหมด ความจริงเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า?
 
นั่นตรงกับที่ฉันคิดทุกประการเลย วิธีการคิดแบบนี้ของฉัน เป็นเหมือน Google (เว็บไซต์ค้นหาข้อมูล) ค้นหาภาพนั่นเอง ลองบอกคำฉันมาสักคำสิ แล้วฉันจะบอกให้คุณรู้ว่ามันเข้ามาในความคิดของคุณอย่างไร ไม่เอาคำธรรมดา ๆ อย่างบ้านหรือรถนะ

ก็ได้ งั้นเอาคำว่า แค็กตัส (cactus) ก็แล้วกัน
 
ฉันมองเห็นภาพแค็กตัสปลอมที่เห็นในหนังตอนที่ฉันเดินเข้าไปดูฉาก ตอนนี้ ฉันมองเห็นกลุ่มแค็กตัสใน Arizona ฉันเห็นแค็กตัสต้นเล็กในบ้านของฉันตอนที่อยู่Arizona คราวนี้ ฉันกำลังมองเห็นลานให้อาหารสัตว์ใน Texas ที่ชื่อ Cactus ตอนนี้ คุณก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันจบเรื่องนี้ยังไง
 
ฉันเข้าใจว่าคุณได้รับการสแกนสมองด้วยวิธี MRI และสมองของคุณก็มีโครงสร้างไม่เหมือนคนอื่นซึ่งอาจเป็นผลให้เกิดกระบวนการมองเห็นในลักษณะนี้
 
ฉันมีสายสัญญาณหลักของอินเตอร์เน็ตขนาดใหญ่โตมโหฬารเท่านี้แน่ะ เดินเข้าไปในคอร์เท็กซ์สายตา (visual cortex) ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของส่วนควบคุม [ในคนปกติ] แต่ฉันต้องการจะเน้นว่าไม่ใช่คนที่มีกลุ่มอาการออทิสซึ่มทุกคนจะเป็นคนที่คิดเป็นภาพนะ บางคนเขาคิดเป็นรูปแบบคณิตศาสตร์ บางคนก็อาศัยคำพูด คนที่อยู่ในกลุ่มอาการออทิสซึ่มทั่วไป ดูเหมือนจะเป็นนักคิดผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น คือ เก่งในเรื่องหนึ่ง แต่แย่ในอีกหลายๆ เรื่อง
 
ดูเหมือนว่า ตอนเด็กๆ การแบ่งแยกเพศเกือบจะเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งของคนออทิสติกอย่างคุณ

แน่นอนที่สุด ตอนที่ฉันเริ่มทำงานนั้น ไม่เคยมีผู้หญิงทำงานในลานเลี้ยงอาหารสัตว์เลย นอกจากพวกเลขาฯ ที่ทำงานในออฟฟิศเท่านั้น ฉากที่พวกเขาเอาลูกอัณฑะวัวมาใส่รถของฉันน่ะเหรอ? เกิดขึ้นจริง ๆ ฉากที่เล่าว่าพวกภรรยาของโคบาลไม่ต้องการให้ฉันทำงานที่นั่นเหรอ? นี่ก็เกิดขึ้นจริงเหมือนกัน
 
คุณคาดว่า คนดูจะได้อะไรจากภาพยนตร์เรื่องนี้?

ฉันหวังว่าพวกเขาคงจะได้รู้ว่า คนบางคนที่เป็นออทิสติกขั้นรุนแรงนั้นสามารถประสบความสำเร็จได้ อีกอย่างหนึ่ง ฉันหวังว่าสิ่งที่คนดูจะรับรู้ คือ ความสำคัญของครูพี่เลี้ยง ทุกวันนี้ ฉันมองเห็นเด็กที่มีไหวพริบและเด็กเก่งมากมาย แต่ยังไม่เห็น Dr. Carlock [ครูสอนวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมปลาย ที่สวมบทบาทโดย David Strathairn] ที่จะมาเป็นพี่เลี้ยง ความจริง ครูของฉันชื่อ Mr. Carlock ฉันเห็นแล้วละว่าเขาเขียนบทผิด แต่พอมาพิจารณาเห็นว่า ครูเป็นคนที่สมควรจะได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตจริง ๆ ฉันก็เลยไม่แก้ไข ครู Carlock มีความสำคัญต่อความสำเร็จของฉันอย่างยิ่ง สมัยนี้ ครูวิทยาศาสตร์จำนวนมาก หาไม่ได้แล้ว ทั้งวิชาการซ่อมรถ ยนต์และวิชาช่างเชื่อมโลหะ ก็ถูกกำจัดออกไปจากหลักสูตรเรียบร้อยแล้ว วิชาที่อาศัยการลงมือปฏิบัติพวกนั้นแหละจะช่วยให้เด็ก ๆ พวกนี้เกิดความสนใจเปิดรับ ฉันเห็นเด็กที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์ [โรคออทิสซึ่มระดับไม่รุนแรง] ที่มีความถดถอยมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาให้คำนิยามตัวเองแต่ต้นเลยว่า เป็นคนที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์ แต่ฉันให้คำนิยามตัวเองตั้งแต่แรกว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์
 
Julia Ormond แสดงเป็นแม่ผู้ตั้งความหวังไว้สูงมากของคุณ คุณแม่ของคุณยังมีชีวิตอยู่ไหม? และท่านมีโอกาสได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้หรือเปล่า?

คุณแม่ของฉันอายุ 82 แล้ว จะเห็นท่านในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยนะ ท่านก็ชอบ แต่ยังมีความกังวลอยู่บ้าง ภาพยนตร์แสดงให้เห็นตัวฉันในตอนกำลังมีพฤติกรรมแปลกประหลาดสูงสุด
 
คุณยังคงใช้ “อุปกรณ์โอบกอด”อยู่หรือเปล่า?

มันเสียไปแล้วเมื่อสองปีก่อน และฉันไม่เคยคิดจะซ่อมมันด้วย เพราะตอนนี้ ฉันหันไปกอดคนแทนแล้วละ.
แปลและเรียบเรียง Temple Grandin on Temple Grandin จาก Time.com

ภาพประกอบบทความออทิสติก

แบบประเมินคุณภาพสื่อ สสพ.

คุณพอใจกับคุณภาพสื่อข้างต้นมากน้อยเพียงใด
  • พอใจมาก0
  • พอใจ0
  • ปานกลาง0
  • ไม่พอใจ0
  • ไม่พอใจมาก0
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก