ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

“ความรักของแม่”

คุณพัชรา มั่งศิลป์ นายกสมาคมนวัตกรรมเพื่อคนพิการทางสติปัญญา

          คุณพัชรา กล่าวว่า เป็นคุณแม่ตั้งแต่อายุ 15 ที่สุดของความเป็นแม่ ดีใจมาก ด้วยความที่เป็นลูกคนแรกประคบประหงมอย่างสูง คิดว่าลูกน่าสมบูรณ์ทุกอย่าง เพราะว่า ตั้งแต่มีลูกต้องตรวจตามที่หมอบอกตลอด ทานอาหารตามที่หมอสั่ง อย่าเป็นไข้ ด้วยความที่ต้องแต่งงานแล้ว ต้องปากกัดตีนถีบ ทำมาหากินการที่เอาลูกไปฝาก ลูกเราจะร้องไห้อย่างรุนแรง ร้องดังเหมือนใจจะขาด ปัจจุบันถ้าเลือกได้ไม่เลือกแบบนั้น แต่จะเลือกที่เอาลูกมาอยู่ในอ้อมอก หลังจากที่เอาลูกไปเรียนอนุบาลยังร้องเหมือนเดิม จนรู้ตอนหลังว่า ครูไม่ได้สนใจเด็ก เวลาไปรับลูกอยู่หลังห้อง ลูกฉี่รดที่นอนตลอดเวลาครูไม่บอก จนกระทั่งมาผิดสังเกตตอนไปรับลูกทำไม ลูกนอนฉี่เลยตัดสินใจเอาลูกออก แล้วหาโรงเรียนใหม่ จึงได้โรงเรียนที่ใกล้บ้าน ครูบอกลูกเรียนไม่เก่ง ตอนนั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ครูที่ปรึกษาบอกว่า ขอให้ลูกเรียนซ้ำชั้นดีไหมความรู้สึกของความเป็นแม่ลูกคนแรก ต้องอยากคาดหวังให้ลูกเรียนเก่ง 

          บทบาทการเป็นแม่ ถ้าวันนั้นเราตัดสินใจว่า ไม่ให้ลูกฉันลูกเราน่าจะดีขึ้น นี่คือความคิดที่เรารู้สึกว่า เริ่มมองเห็นลูกพิการ คือ ลูกเขียนหนังสือกลับหัว ลูกชื่อภัทรพร เริ่มปรึกษาหมอนัดไปหมอจุฬาบอกว่า สิ่งที่เห็นเด็กเหล่านี้เขาจะเขียนกลับหัว ต่างจากกลุ่มผู้ใหญ่ที่ปกติ นั่งคิดแต่ทำไมเค้าอ่านได้ ทำไมลูกเล็ก ๆ สอนแทบตาย ลูกไม่ได้ พยายามสอนลูกว่า ให้บวก ลบ คูณ หาร ลูกทำไม่ได้ จนสุดท้ายตอนนั้น  ขึ้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ความที่เริ่มโตเป็นสาวอยากมีแฟน เพื่อนในห้องเป็นรุ่นใหม่เริ่มมีการแกล้งกันส่งจดหมายรัก วันหนึ่งคุณครูโทรมาบอกคุณแม่ช่วยมารับลูกกลับบ้านด้วย ถามทำไมเกิดอะไรขึ้น ครูบอกว่าลูกคุณกำลังจะกระโดดจากชั้น 5 ซึ่งถ้าครูห้ามไม่ทันโรงเรียนจะเป็นยังไง เค้ามองโรงเรียนไม่ได้ห่วงลูกเรา คุณแม่ควรไปอยู่โรงเรียนที่เฉพาะทาง ถ้าใครมีลูกพิเศษแบบเราอาจจะรู้สึก 1.เหมือนผีเข้า เป็นนะ ลูกจะเหมือนผีเข้าหลายคนจะรู้ ว่าเหมือนผีเข้า 2.ลูกทำร้ายแม่ ลูกจะมีความรู้สึกว่าคนเดียวที่เขาจะสามารถลงได้ทุกอย่างคือ แม่ 

          คุณพัชรา ทิ้งท้ายว่า “ในฐานะคุณแม่ที่ อดทนฟันฝ่า ดูแลน้องชมพู่จนมาถึงวันนี้ ถ้าสมมุติว่าตัวเองรู้ว่า ตัวเองมีลูกพิการอันดับแรก ให้เรายอมรับก่อนว่าพิการ แล้วไม่ดันทุรังทำให้เขาหายพิการ เพราะว่ามันเป็นความทุกข์มากกว่า เขาเลยไม่พยายามที่จะไปใส่อะไรที่เขาเกินความสามารถที่เขามี อยากจะให้ทุกคนรักเขาแล้วทำอย่างไรให้เขามีความสุขที่สุด ความสุขมันดีกว่าความเก่ง สิ่งที่ผิดพลาดมาแล้ว คือเราพยายามจะให้ลูกเราเก่ง บีบบังคับลูกเราให้เรียนพิเศษมากมายก่ายกองตั้งแต่อนุบาล 1 ถึง ทุกวันนี้ ซึ่งไม่มีประโยชน์เลย สำหรับคุณแม่มือใหม่เราไม่รู้หรอกว่า ลูกเราจะไปโดนอะไรแล้วทำให้พิการหรือเปล่า ทางที่ดีคิดว่าเราน่าต้องดูแลลูกเองดีที่สุด แต่ถ้าไม่ได้ขอให้คนนั้นเอาไว้ใจได้ ถ้าลูกเราร้องวี๊ดมาก ๆ หยุดเลยไม่ต้องไปต่อ และอย่าไปเชื่อคำพูดของครูเหล่านั้นว่า เดี๋ยวเค้าเลิกร้องเอง เดี๋ยวหายเอง ในช่วงที่เขาร้องสุด สมองมันขาดออกซิเจนช่วงนั้นไหมทำให้ลูกเราผิดปกติมาตลอด ทางที่ดีดูแลลูกเองดีกว่า อยากฝากไว้แต่ถ้าเกิดถึงที่สุดแล้วลูกพิการ ขอให้ยอมรับและอย่าพยายามยัดเยียดอะไรที่มันเกินความสามารถเข้าอีก ให้คิดว่าอย่าทำผิดพลาดเหมือนเราคือที่บอกมาตลอดว่า เราผิดพลาดตรงที่เอาลูกไปอยู่ในจุดที่เราคิดว่าโอเค เรามองว่าเราโอเคแต่เราไม่ได้มองว่าเขาโอเคด้วยหรือเปล่า คำถามที่มันเจ็บที่สุดในชีวิต คือ “ทำไมถึงต้องมาเรียนที่นี่” คำถามนี้เป็นคำถามที่ไม่เคยลืมอยู่ในสมองตลอด ความรักของแม่” 

 

รายการรวมใจเป็นหนึ่ง ออกอากาศทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 18.30-19.00 น. ทางสถานีวิทยุศึกษา FM 92 MHz หรือ www.moeradiothai.net

ภาพประกอบรายการวิทยุรวมใจเป็นหนึ่ง

แบบประเมินคุณภาพสื่อ สสพ.

คุณพอใจกับคุณภาพสื่อข้างต้นมากน้อยเพียงใด
  • พอใจมาก0
  • พอใจ0
  • ปานกลาง0
  • ไม่พอใจ0
  • ไม่พอใจมาก0
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก

Fatal error: Call to undefined function drupal_get_path() in /usr/local/www/apache22/data/Braille-new/sites/all/modules/better_statistics/better_statistics.module on line 181