ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

แผนการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) กับแนวทางทางกฎหมายและการปฏิบัติสำหรับคุณพ่อคุณแม่ ตอนที่ 2

โดย ปีเตอร์ ดับบลิว ดี ไรท์และพาเมล่า แดร์ ไรท์ (2003)

ใน IEP ควรมีอะไรบ้าง
IEP ควรอธิบายปัญหาการเรียนรู้ของลูกคุณอย่างถี่ถ้วนและจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร

วิธีการที่ดีที่สุดและชัดเจนที่สุดที่จะอธิบายปัญหาเฉพาะตัวของลูกคุณคือ การรวบรวมข้อมูลจากการประเมิน  เอกสาร IEP ควรจะบรรจุการแสดงระดับปัจจุบันของผลทางการศึกษาของเด็ก ถ้าลูกของคุณมีปัญหาด้านการอ่าน  IEP ควรจะรวบรวมคะแนนการทดสอบย่อยๆ ของการอ่าน  ถ้าลูกของคุณมีปัญหาด้านการคำนวณคณิตศาสตร์  IEP ควรจะรวบรวมคะแนนการทดสอบย่อยๆ ด้านคณิตศาสตร์ด้วย  เพื่อจะช่วยให้ท่านเข้าใจความหมายของคะแนนเหล่านี้  ท่านควรจะอ่านบทความเรื่อง “ความเข้าใจเกี่ยวกับการทดสอบและการวัดผล”

เป้าหมายและวัตถุประสงค์
IEP ควรจะรวมถึงการแจ้งเป้าหมายประจำปีที่สามารถวัดได้  รวมถึงจุดมาตรฐานและวัตถุประสงค์ระยะสั้น  เป้าหมายและวัตถุประสงค์ควรจะเกี่ยวพันกับความต้องการของเด็กซึ่งมีผลจาก ความบกพร่องและควรจะทำให้ลูกของคุณสามารถมีส่วนร่วมและมีความก้าวหน้าในหลัก สูตรทั่วๆไปด้วย  เป้าหมายและวัตถุประสงค์ต่างๆ ควรจะบรรลุความต้องการทางการศึกษาอื่นๆ ซึ่งมีผลจากความบกพร่องของเด็ก

เป้าหมายของ IEP ควรจะพุ่งเป้าไปที่การลดหรือการกำจัดปัญหาของเด็กๆ  วัตถุประสงค์ระยะสั้นควรจะตระเตรียมวิถีทางที่จะวัดความก้าวหน้าทางการศึกษา ให้กับคุณและคุณครู  ทักษะในการอ่านเชี่ยวชาญไหม  คุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร  IEP ควรจะรวมถึงวิถีทางสำหรับคุณและคุณครูที่จะวัดความก้าวหน้าของลูกคุณอย่างมี วัตถุประสงค์หรือวัดสิ่งที่ขาดความก้าวหน้าในโปรแกรมการศึกษาพิเศษ

ในงานของเรา  เราเห็น IEP มากมายที่ไม่เหมาะสม  IEP เหล่านี้ไม่รวมถึงเป้าหมายและวัตถุประสงค์ซึ่งตรงต่อปัญหาทางการศึกษาของ เด็ก  ในกรณีหนึ่ง IEP สำหรับเด็กที่บกพร่องทางการอ่านด้วยปัญหาที่ร้ายแรงในการอ่านและการเขียน รวมไปถึงเป้าหมายที่จะทำให้ “ทักษะการคิดในระดับสูง” “ทักษะการอ่านแผนที่” และ “การเชื่อมั่นในตนเอง” ของเขาดีขึ้น   แต่ไม่มีเป้าหมายในการทำให้ทักษะทางภาษาในการเขียนและการอ่านของเขาดีขึ้น  นี่เป็นปัญหาธรรมดาสามัญ  เป้าหมายของ IEP ซึ่งดูดีแต่ไม่ได้แก้ปัญหาที่แท้จริงในการอ่าน การเขียนและการคำนวณของเด็ก

ถ้าคุณพาลูกไปหาแพทย์เนื่องจากอาการไออย่างหนัก คุณต้องการให้รักษาอาการไอ  คุณจะไม่มีความเชื่อมั่นในตัวแพทย์ที่ละเลยอาการไอ  และให้ใบสั่งยาโรคแผลในกระเพาะอาหารกับคุณ

การวัดความก้าวหน้า: การสังเกตเป็นการส่วนตัวหรือการทดสอบสภาวะที่เป็นจริง
ลองกลับมาที่ตัวอย่างทางการแพทย์ของเรา  จอห์น ลูกชายของคุณบ่นว่าเจ็บคอ  คุณเห็นว่า ลำคอเขาเป็นสีแดง  สัมผัสตัวแล้วร้อน  ง่วงเหงาหาวนอน  นี่เป็นการสังเกตของคุณ

เนื่องจากความกังวลจากการสังเกตเป็นการส่วนตัวของคุณ คุณจึงพาจอห์นไปพบแพทย์  หลังจากการตรวจ  แพทย์จะมีการสังเกตเพิ่มเติมจากคุณ  มีการการทดสอบสภาวะที่เป็นจริง  เมื่อวัดอุณหภูมิของจอห์น มันขึ้นที่ 104  การตรวจในห้องปฏิบัติการแสดงว่า เม็ดเลือดขาวสูงขึ้น  การทดสอบการติดเชื้อเป็นบวก  การทดสอบสภาวะที่เป็นจริงบอกว่า จอห์นมีการติดเชื้อ

เนื่องจากข้อมูลจากการสังเกตที่เป็นส่วนตัวและการทดสอบสภาวะที่เป็นจริง  แพทย์จึงพัฒนาแผนการรักษาขึ้น  รวมทั้งให้ยาปฏิชีวนะ  ต่อมา คุณและจอห์นกลัมมาพบแพทย์อีก  และคุณก็เล่าการสังเกตที่ดำเนินมากับแพทย์  อุณหภูมิของจอห์นกลับสู่ปกติในสองสามวันที่ผ่านมา  ลำคอกลับเป็นปกติ  เหล่านี้เป็นการสังเกตที่เป็นส่วนตัว

การสังเกตที่เป็นส่วนตัวจะให้ข้อมูลที่มีคุณค่ามาก  แต่ในหลายกรณี มันไม่ได้ให้หลักฐานที่เพียงพอว่า การติดเชื้อของจอห์นนั้นหายไปแล้ว  หลังจากแพทย์ทำการสังเกตเพิ่มเติม  แพทย์อาจจะสั่งให้ทำการทดสอบสภาวะที่เป็นจริงเพิ่มเติม  ทำไม?

คุณไม่สามารถเห็นแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรค  การที่จะทดสอบว่ามีแบคทีเรียอยู่หรือไม่  เราต้องทำการทดสอบสภาวะที่เป็นจริง  ถ้าคุณไม่ทำการทดสอบสภาวะที่เป็นจริงคุณจะไม่สามารถรู้ว่า การติดเชื้อของจอห์นได้หายไปแล้ว

โดยแนวทางเดียวกัน คุณจะไม่มีวันรู้ว่า ลูกของคุณกำลังแสวงหาทักษะในการอ่าน การเขียนและการคำนวณ  ถ้าคุณไม่ทำการทดสอบทักษะเหล่านี้

คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า แผนการศึกษาเฉพาะบุคคลหรือ IEP ฉบับนั้นใช้ได้ผล  คุณควรจะไว้ใจการสังเกตที่เป็นส่วนตัวของคุณหรือ  แล้วการสังเกตที่เป็นส่วนตัวของคุณครูล่ะ  หรือคุณควรจะหาข้อมูลเพิ่มเติมจากการทดสอบสภาวะที่เป็นจริง

เด็กของคุณ “ก้าวหน้าจริงๆ” หรือ
เราได้ทำงานกับครอบครัวนับจำนวนเป็นร้อยๆ ครอบครัวซึ่งรู้สึกเชื่อมั่นว่า เด็กของเขา “ก้าวหน้าจริงๆ”  แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายจะไม่เห็นหลักฐานของ “ความก้าวหน้า”  พวกเขาให้ความไว้วางใจในตัวคุณครู  แต่หลังจากลูกๆ ของเขาถูกประเมิน  คุณพ่อคุณแม่เหล่านี้จะตกใจที่เรียนรู้ว่า  ความหวาดระแวงของพวกเขานั้นถูกต้อง  และนักการศึกษามืออาชีพนั้นผิด

ในกรณีหนึ่งของเรา  เจย์ เป็นเด็กชายอายุ 8 ขวบที่มีสมองระดับปานกลาง  ได้รับบริการการศึกษาพิเศษเป็นเวลา 2 ปี  โดยตลอดช่วงอนุบาลและช่วงประถมปีที่ 1  คุณพ่อคุณแม่ของเจย์รู้สึกว่า  เจย์ไม่ได้เรียนรู้วิธีอ่าน เขียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ ที่อายุวัยเดียวกัน  คุณครูที่สอนการศึกษาตามปกติและการศึกษาพิเศษให้ความเชื่อมั่นคุณพ่อคุณแม่ ของเจย์อย่างสม่ำเสมอว่า เจย์ “กำลังก้าวหน้าจริงๆ” คุณครูใหญ่บอกคุณพ่อคุณแม่ของเจย์ด้วยเหมือนกันว่า เจย์ “กำลังก้าวหน้าจริงๆ”

หลังจากจบชั้นประถมปีที่ 1 คุณพ่อคุณแม่ได้ให้เจย์ทดสอบโดยนักวินิจฉัยอาการที่เป็นเอกชน  ผลของการทดสอบโดยเอกชนครั้งนี้หรือ  ความสามารถของเจย์ในพิสัยระดับเฉลี่ยถึงเหนือระดับเฉลี่ย  ทักษะของเขาในภาษาด้านการอ่านการเขียนอยู่ในช่วงต้นของอนุบาลระดับกลาง  หลังจาก 2 ปีของการศึกษาพิเศษ เจย์ไม่ได้เรียนรู้ที่จะอ่านหรือเขียนเลย

เมื่อบรรดาคุณครูบอกคุณว่า เด็กของคุณ “กำลังก้าวหน้า” หมายความว่า คุณครูกำลังให้ความเห็นบนพื้นฐานของการสังเกตที่เป็นส่วนตัว  เหมือนอย่างที่คุณได้เห็นในกรณีของเจย์  ความคิดเห็นและการสังเกตที่เป็นส่วนตัวอาจจะไม่ได้ให้ข้อมูลที่ถี่ถ้วน

ถ้าคุณมีคำถามหรือความกังวลเกี่ยวกับว่า ลูกของคุณกำลังก้าวหน้าจริงๆ หรือไม่  คุณจำเป็นต้องทำการทดสอบสภาวะที่เป็นจริงของด้านทักษะวิชาการ  ทั้งการอ่าน การเขียน การคำนวณและการสะกดคำ  หลังจากที่คุณได้ผลของการทดสอบสภาวะที่เป็นจริง  คุณจะรู้ว่า  ลูกของคุณกำลังก้าวหน้าจริงๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายใน IEP หรือไม่

IEP ถูกเรียกว่าเป็น “ชิ้นศูนย์กลาง (centerpiece)” ของกฎหมายการศึกษาพิเศษ  เมื่อคุณอ่านบทความนี้โดยตลอด คุณจะเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับกฎหมาย และสิทธิต่างๆ ที่ประกันว่า  เด็กทุกคนซึ่งต้องการการศึกษาพิเศษจะได้รับบริการที่เหมาะสม  คุณจะได้อ่านเกี่ยวกับกรณีต่างๆ ซึ่งถูกตัดสินโดยทั่วประเทศ (สหรัฐอเมริกา)  แต่ละกรณีมีผลกระทบต่อระบบการศึกษาพิเศษทุกวันนี้  การทำให้คุณภาพของบริการการศึกษาพิเศษสำหรับเด็กพิการทุกคนดีขึ้น  รวมไปถึงลูกของคุณเอง

หลังจากที่คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับกฎหมาย  กฎเกณฑ์และหลายๆ กรณี  คุณจะรู้วิธีที่จะเขียน IEP  ถ้า IEP ถูกเขียนอย่างเหมาะสม คุณจะสามารถวัดความก้าวหน้าของเด็กได้

เราพูดมาก่อนหน้านี้แล้ว และมันยังคงซ้ำเหมือนเดิม  ถ้าคุณวัดความก้าวหน้าของลูกของคุณโดยใช้การวัดสภาวะที่เป็นจริง  คุณจะรู้ว่า ลูกของคุณกำลังเรียนรู้อย่างแท้จริงและได้รับประโยชน์จากโปรแกรมหรือไม่  ถ้าการทดสอบสภาวะที่เป็นจริงแสดงว่า ลูกของคุณไม่ได้กำลังเรียนรู้และไม่ก้าวหน้าเหมือนอย่างที่คาดหวัง  คุณจะได้รู้ว่า แผนการศึกษาไม่เหมาะสมและลูกของคุณกำลังถอยหลัง

ถ้าลูกของคุณไม่ได้เรียนรู้และไม่ก้าวหน้าด้วยการวัดความก้าวหน้าตามสภาวะเป็นจริง  ควรจะมีการทบทวน IEP

ให้อ่านบทความเรื่อง ความเข้าใจเรื่องแบบทดสอบและการวัดสำหรับคุณพ่อคุณแม่และผู้สนับสนุนส่ง เสริม  เมื่อคุณทราบข้อมูลในบทความเหล่านี้  จะทำให้คุณสามารถพัฒนา IEP ที่ดีสำหรับลูกของคุณ

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

แปลและเรียบเรียงจาก Your Child’s IEP: Practical and Legal Guidance for Parents by Peter W.D. Wright and Pamela Darr Wright (2003) จาก http://www.ldonline.org
โดย พรรษชล ศรีอิสราพร

ภาพประกอบบทความหน้าต่าง LD

แบบประเมินคุณภาพสื่อ สสพ.

คุณพอใจกับคุณภาพสื่อข้างต้นมากน้อยเพียงใด
  • พอใจมาก0
  • พอใจ0
  • ปานกลาง0
  • ไม่พอใจ0
  • ไม่พอใจมาก0
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก