เรื่องโดยเด็กๆ (16/02/2011)
ตั้งแต่ฉันสามารถจำความได้ ฉันพบความลำบากที่โรงเรียน คุณครูหลายคนต่างบอกฉันเสมอว่า ให้พยายามหนักขึ้นแม้ว่าฉันได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว ฉันร้องไห้ตลอดเวลา ฉันเกลียดโรงเรียน
แล้วเมื่อฉันอยู่เกรดสอง แม่ของฉันพาฉันไปรับการทดสอบ ปรากฎว่า ฉันเป็นเด็กฉลาดแต่สมาธิสั้น ฉันตื่นเต้นมากและมีความสุขจริงๆ แล้วแม่ของฉันก็บอกคุณครูทั้งหลายว่า พวกเขาจำเป็นต้องช่วยเหลือฉันและคอยอยู่เคียงข้างเมื่อฉันพบความลำบาก เนื่องจากฉันมีครูอยู่สองคนประจำชั้นเรียน คนหนึ่งสอนตามปกติและอีกคนหนึ่งเป็นคนให้เกรด
ฉันยังพบความยุ่งยากและฉันเพียงแต่ไม่สามารถเข้าใจได้ เห็นได้ชัดว่า คุณครูไม่เห็นว่า ฉันกำลังดิ้นรนและอ่อนเพลียจนกระทั่งฉันยอมแพ้ดื้อๆ ตอนนั้นคือหยุด เพียงแต่วางดินสอลงและจ้องไปที่กระดาษเบื้องหน้า
แล้วคุณครูคนที่ไม่ได้สอนตีฉันเบาๆ แล้วพาฉันไปที่โต๊ะของเธอและพร่ำบอกปัญหาซ้ำไปซ้ำมา ฉันจึงบอกว่า “หนูเพียงแต่ไม่เข้าใจ” ฉันไม่รู้ว่าทำไมแต่มันเป็นบางสิ่งที่ขัดข้องในหัวของฉันและฉันไม่เคยลืม เลย คุณครูจึงกล่าวกับฉันด้วยเสียงเขียวและขัดข้องใจว่า “อาแมนดา มันไม่ยากจนเกินจะเข้าใจหรอกนะ” ในเวลานั้นฉันคิดว่า มันเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เธอจะพูดกับฉัน วินาทีนั้นฉันมองไปที่ประตูและตั้งใจจะวิ่งออกจากห้องและเริ่มร้องไห้ ฉันขมขื่นเป็นที่สุด
ฉันจำได้ว่า คืนหนึ่งฉันขอให้แม่อยู่กับฉันในห้องเพื่อคุยกัน (จริงๆ แล้วมันเป็นการหน่วงเหนี่ยวเพื่อฉันยังไม่ต้องเข้านอน) แม่ถามฉันว่าอยากจะคุยเกี่ยวกับอะไร ฉันเริ่มคุยว่าฉันเกลียดโรงเรียนมากเท่าไรและฉันคิดว่าฉันเป็นคนที่โง่ที่ สุดอย่างไร ฉันจำการพูดคุยทั้งหมดได้ดี ฉันร้องไห้หนักมากจนหายใจไม่ออก เมื่อแม่ถามฉันว่าฉันอยากจะย้ายโรงเรียนหรือไม่ จำได้ว่า ฉันตอบว่า “ฉันไม่รู้”
แล้วพอถึงเวลาที่ฉันอยู่เกรดห้าแล้ว เราพบโรงเรียนอีกแห่งหนึ่งซึ่งช่วยเหลือเด็กแอลดี ฉันได้ย้ายไปที่นั้น ตอนนี้ฉันอยู่เกรดเจ็ดและกำลังจะย้ายขึ้นไปเรียนระดับมัธยมศึกษาเมื่อปีนี้ สิ้นสุดลง ฉันรู้สึกว่า โรงเรียนนี้ช่วยเหลือฉันมากอย่างไม่เคยคิดมาก่อนเลย เช่น ให้เวลามากเป็นพิเศษในการทดสอบ ไม่มีงานการบ้านที่ท่วมท้นเกินไป และยังมีกิจกรรมที่สนุกมากมายหลายอย่าง ฉันรักที่ฉันมีสมาธิสั้นและอยู่ห่างจากไอน์สไตน์เพียงสองสามก้าวเท่านั้น ถ้าคุณมีปัญหาการบกพร่องทางด้านการเรียนรู้ อย่าใช้ชีวิตที่หลบซ่อนมัน ยอมรับมัน คุณเป็นคนพิเศษในวิถีทางอันพิเศษของคุณเอง
http://www.ldonline.org
โดย พรรษชล ศรีอิสราพร
หมายเหตุ ใครที่ชอบอ่านประวัติของอัจฉริยบุคคลคงจะเคยพบว่า บ่อยครั้งที่หนังสือต่างๆ จะเล่าว่า อัจฉริยะท่านนั้นในวัยเด็กมักจะเรียนหนังสือไม่เก่ง ดูเหมือนโง่ หัวทึบ ฯลฯ และเนื่องจากไอน์สไตน์เป็นหนึ่งในบรรดาอัจฉริยะทั่วโลกคุ้นเคยกันมากที่สุด จึงมักจะเป็นตัวอย่างยอดนิยมที่ถูกกล่าวถึงในทำนองนี้อยู่เสมอ
ทั้งนี้ ข้อกล่าวหาที่หนักหน่วงที่สุดเท่าที่ค้นพบเป็นลายลักษณ์อักษร ก็คือ ไอน์สไตน์เกิดมามีหัวกะโหลกบูด ๆ เบี้ยว ๆ ทำให้พูดได้ช้ากว่าปกติ และพอเข้าโรงเรียน ก็เป็นนักเรียนที่เรียนไม่ดีและมีพฤติกรรมก้าวร้าวกับครูอีกด้วย - จาก http://www.rmutphysics.com