Dysgraphia หรือ เด็กแอลดีที่บกพร่องทางการเขียน เป็นอย่างไร 21/08/2009
Dysgraphia หรือ เด็กแอลดีที่บกพร่องทางการเขียนจะได้รับผลกระทบในเรื่องความสามารถทางการ เขียน มีความยุ่งยากในการสะกดคำ ลายมือที่แย่ และมีความลำบากในการเขียน ความคิดลงในกระดาษ เพราะว่าการเขียนต้องการทักษะการแปลข้อมูลและการใช้ กล้ามเนื้อมือที่ซับซ้อน ดังนั้น จึงไม่ควรกล่าวเพียงว่า เป็นนักเรียนที่บกพร่องทางการเขียนเท่านั้น นักเรียนแอลดีที่มีปัญหาในการ แสดงออกทางการเขียนจะได้รับประโยชน์จากการให้ทางเลือกในการแสดงออกทางการ เขียนเป็นการเฉพาะจากสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การเรียนรู้ ร่วมกับการฝึก ทักษะการเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อที่จะเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จ
อะไรคือสัญญาณเตือนว่า เป็น Dysgraphia หรือ เป็นเด็กแอลดีที่บกพร่องทางการเขียน
เพียงแค่มีลายมือที่แย่ไม่ได้หมายความว่า คนๆ นั้น เป็นDysgraphia หรือเป็นเด็กแอลดีที่บกพร่องทางการเขียน เพราะว่าการบกพร่องทางการเขียน เป็นเรื่องของความผิดปกติของกระบวนการ และความยุ่งยากสามารถจะเปลี่ยนแปลง ได้ตลอดชีวิต อย่างไรก็ตามเนื่องจากการเขียนเป็นกระบวนการที่ต้อง พัฒนา เด็กๆ จะเรียนรู้จักการใช้ทักษะกล้ามเนื้อมือเพื่อการเขียน ขณะเดียวกับต้องเรียน รู้จักใช้ทักษะการคิดเพื่อสื่อสารลงบนกระดาษ ดังนั้น ความยุ่งยากสามารถจะซ้อนกันด้วย
ถ้าบุคคลนั้นมีความยุ่งยากในหัวข้อข้างล่างนี้ ความช่วยเหลือเพิ่มเติมอาจจะเอื้ออำนวยผล
- มีท่าทางและจับดินสอ ปากกาแน่นและเงอะงะ
- ลายมืออ่านยาก
- หลีกเลี่ยงงานเขียนหรืองานวาดรูป
- มือล้าอย่างรวดเร็วเมื่อเขียนหนังสือ
- พุดออกมาดังๆ ในขณะเขียน
- เขียนคำที่ไม่สมบูรณ์ในประโยค
- ยุ่งยากในการรวบรวมความคิดลงบนกระดาษ
- ยุ่งยากกับการสร้างประโยคให้ถูกไวยากรณ์
- มีความแตกต่างระหว่างความคิดที่เขียนออกมากับความเข้าใจที่แสดงออกทางการพูด
จะช่วยด้วยกลยุทธ์อะไรดี
มีหนทางมากมายที่จะช่วยคนที่เเป็นแอลดีที่บกพร่องทางการเขียน โดยทั่วๆ ไปมี 3 ยุทธวิธีคือ
- ให้ทางเลือกในการแสดงออกทางการเขียน
- เปลี่ยนหรือลดความคาดหวังหรืองานให้น้อยลง หรือหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นจุดอ่อน
- ช่วยเหลือแนะนำเพื่อทำให้ลายมือและทักษะการเขียนดีขึ้น
แต่ ละวิธีการควรนำมาพิจารณาเมื่อจะวางแผนให้คำแนะนำและสนับสนุน บุคคลที่เป็น แอลดีจะได้รับผลที่ดีจากความช่วยเหลือของผู้เชี่ยวชาญและผู้ที่เขาใกล้ชิด ที่สุด การค้นหาว่าวิธีสนับสนุนวิธีใดให้ผลมากที่สุดเป็นกระบวนการของการ ทดลองความคิดที่แตกต่างกันและการแลกเปลี่ยนความคิดอย่างเปิดเผยว่า อะไรได้ผลที่สุด
ข้างล่างนี้เป็นตัวอย่างของการสอนผู้บกพร่องทางการเขียนแต่ละคนให้เอาชนะความยุ่งยากในการแสดงออกทางการเขียน
นักเขียนวัยเด็กเล็ก
- ใช้กระดาษที่มีเส้น เพื่อเป็นแนวให้เขียนอยู่ภายในเส้น
- ลองใช้ปากกาหรือดินสอ ที่เหมาะมือที่สุด
- ฝึก การเขียนตัวอักษรหรือตัวเลขในอากาศ ด้วยการเคลื่อนไหวของวงแขนอย่างกว้างๆ เพื่อพัฒนาความจำเรื่องรูปร่างที่สำคัญต่างๆ ของกล้ามเนื้อ พร้อมกับฝึกเขียนด้วยการเคลื่อนไหวแบบวงแคบเของนิ้วด้วย
- สนับ สนุนให้เด็กวางท่าทาง วางกระดาษและใช้มือจับดินสอให้เหมาะสมในเวลา เขียน มันสำคัญที่จะส่งเสริมเรื่องนี้แต่แรกเริ่ม เพราะมันยากที่จะเลิก นิสัยแย่ๆ ในภายหลัง
- ใช้ เทคนิคหลายประสาทสัมผัสเพื่อเรียนรู้ตัวอักษร รูปร่างและตัวเลข ตัวอย่าง เช่น พูดไปด้วยขณะเขียน เช่น ตัว “b” พูดว่า ขีดเส้นตรงลงมา ขีดเส้นวงกลมออกจากตัว
- แนะ นำให้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์แต่เนิ่นๆ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรให้เด็กเลิกเขียนหนังสือ ขณะที่การพิมพ์ช่วยให้เขียน ง่ายขึ้นเพราะไม่ต้องคับข้องใจในการเขียนตัวอักษร แต่การเขียนลายมือก็เป็นเรื่องสำคัญของความสามารถแต่ละบุคคลต่อการดำรงอยู่ ในโลก
- อดทนและมองโลกในแง่ดี แนะนำให้ฝึกฝนและส่งเสริมความพยายาม เพราะการจะเป็นนักเขียนที่ดีต้องใช้เวลาและการฝึกฝน
นักเรียนวัยเยาว์
- อนุญาตให้ใช้งานพิมพ์ได้
- ให้ใช้กระดาษกราฟขนาดใหญ่สำหรับการคำนวนณทางคณิตศาสตร์เพื่อให้อยู่ในคอลัมน์ในแถวเป็นอย่างดี
- ให้เวลาพิเศษในการทำงาน
- เริ่มต้นงานเขียนอย่างสร้างสรรค์ด้วยการวาดรูปหรือเล่าความคิดใส่เทป
- ให้ ทางเลือกจุดเน้นในการเขียน เช่น ใส่น้ำหนักของงานไปที่ความปราณีตและการ สะกดคำ ชิ้นอื่นๆ ให้น้ำหนักที่ไวยากรณ์และการเรียบเรียงความคิด
- สอนแบบอย่างการเขียนแบบต่างๆ กันอย่างชัดเจน เช่น เรียงความบรรยายส่วนบุคคล เรื่องสั้น บทกวี เป็นต้น
- อย่าตัดสินการให้งานที่จำกัดเวลาด้วยความปราณีตและการสะกดคำ
- ให้นักเรียนอ่านพิสูจน์อักษรในเวลาต่อมา เพราะว่า สามารถเห็นข้อตกหล่นได้ง่ายขึ้นหลังจากพักสักครู่
- ช่วย นักเรียนให้สร้างบัญชีตรวจสอบงานที่กำลังบรรณาธิการอยู่ เช่น การสะกดคำ ความปราณีต ไวยากรณ์ วิธีสร้างประโยค การแสดงความคิดที่ ชัดเจน เป็นต้น
- สนับสนุนให้ใช้ตัวตรวจสอบการสะกด
- ลดจำนวนการเขียนตาม แทนที่จะทำอย่างนั้น ให้เน้นไปที่การเขียนคำตอบหรือความคิดที่ริเริ่ม
- ให้นักเรียนทำงานให้สำเร็จทีละน้อยแทนที่จะทำสำเร็จหมดทีเดียว
- ค้นหาทางเลือกในการประเมินความรู้ เช่น การรายงานด้วยการพูด หรือ โครงการการมองภาพ
- สนับสนุนการฝึกฝนที่ไม่เคร่งเครียดนัก ในการเขียนตัวอักษร เขียนบันทึกประจำวัน ทำงานภายในบ้าน หรือร่วมทีมกีฬา
วัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่
- ให้เตรียมเครื่องบันทึกเทบสำหรับการจดบันทึก และสำหรับตระเตรียมการบ้านงานเขียน
- วางแผนการเป็นขั้นๆ ที่จะช่วยแบ่งการบ้านงานเขียนเป็นงานย่อยๆ ไป
- เมื่อเรียบเรียงโครงการงานเขียน ให้สร้างบัญชีคำสำคัญ จะเป็นประโยชน์มาก
- ให้ ผลตอบกลับที่สร้างสรรค์และชัดเจนในคุณภาพของงาน อธิบายถึงจุดแข็งและจุด อ่อนของโครงการ ให้ความเห็นเกี่ยวกับโครงสร้างและเนื้อหาสาระที่เกี่ยวข้อง ด้วย
ข้อ แนะนำเหล่านี้สามารถนำมาใช้ได้ทุกกลุ่ม จะไม่มีคำว่า เร็วไปหรือสายเกินไปที่จะสนับสนุนการฝึกทักษะที่จำเป็นเพื่อเป็นนักเขียนที่ ดี
บรรดา ครูและผู้ที่เกี่ยวข้องอาจจะไม่รู้ว่าจะช่วยได้อย่างไร ให้พูดให้คนเเหล่า นี้ฟังเกี่ยวกับ dysgraphia หรือ การเป็นแอลดีที่บกพร่องทางด้านการเขียน อธิบายถึงเรื่องท้าทายที่คนที่บกพร่องทางด้านการเรียนรู้ต้องเผชิญ
วิธีทำการบ้านงานเขียน
- วางแผนงานของคุณ (รวบรวมความคิดของคุณเข้าด้วยกัน และพิจารณาว่า คุณต้องการจะเขียนมันอย่างไร)
- เรียบเรียงความคิด
- วางโครงร่างให้แน่ใจว่า คุณได้รวบรวมความคิดทั้งหมดของคุณไว้แล้ว
- ทำบัญชีความคิดหรือคำหลักๆ ที่คุณต้องการจะใช้ในงานเขียนของคุณ
เขียนร่างแรก
ร่าง แรกนี้ควรจะเน้นไปที่คุณได้วางความคิดของคุณลงบนกระดาษแล้ว อย่างกังวล เกี่ยวกับการสะกดหรือความผิดด้านไวยากรณ์ ให้ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยเพราะจะทำ ให้คุณง่ายต่อการแก้ไขภายหลัง
บรรณาธิการงาน
- ตรวจสอบงานให้เหมาะสม ทั้งการสะกด ไวยากรณ์ วิธีสร้างประโยค และให้ใช้ตัวตรวจสอบการสะกดถ้าจำเป็น
- ปรับปรุงเนื้อหาและรายละเอียดให้มากขึ้น -พจนานุกรมจะเป็นประโยชน์มากในช่วงนี้
ทบทวนงานและทำร่างสุดท้าย
- ปรับปรุงการเขียนเป็นร่างสุดท้าย
- อ่านครั้งสุดท้ายให้มั่นใจก่อนส่ง
แปลและเรียบเรียงโดย พรรษชล ศรีอิสราพร